นักวิเคราะห์เปิดเผยว่า บริษัทผู้ผลิตอาหารหลายราย โดยเฉพาะบริษัทที่ต้องใช้ผลผลิตธัญพืชมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้ายังมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พาโบล ซูอานิค นักวิเคราะห์จากเจพี มอร์แกนกล่าวว่า ผลผลิตข้าวโพด ข้าว ข้าวสาลี และถั่วเหลืองต่างปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์
"ด้วยแนวโน้มการขยายตัวด้านผลผลิตที่ลดลง เรื่องที่ว่าอุปทานจะพุ่งขึ้นเหนือระดับอุปสงค์จึงไม่น่าที่จะเกิดขึ้น" ซูอานิคกล่าว "ดังนั้นเราคาดว่าราคาธัญพืชจะยังคงปรับตัวสูงขึ้น"
สำนักข่าวเอพีรายงานความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ที่มีขึ้นหลังจากที่กระทรวงเกษตรของสหรัฐรายงานว่าสต็อกผลผลิตข้าวสาลีอาจอยู่ต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 30 ล้านบุชเชลในปีนี้ ขณะที่คาดการณ์ว่าอุปสงค์ข้าวสาลีจากต่างประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ทางกระทรวงฯยังได้ปรับลดคาดการณ์สต็อกถั่วเหลืองลงอีก 20 ล้านบุชเชลมาอยู่ที่ระดับ 40 ล้านบุชเชล ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ช่วงปี 2546-2547 และเพิ่มคาดการณ์การส่งออกถั่วเหลืองในปีนี้
ทั้งนี้ ราคาข้าวสาลีและถั่วเหลืองพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาข้าวสาลีปรับตัวสูงขึ้นจากอุปสงค์ในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและสภาพอากาศที่เลวร้ายซึ่งสร้างความเสียหายต่อพื้นที่เพาะปลูกในบางพื้นที่
ขณะที่ราคาถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากเป็นวัตถุดิบทางเลือกที่ใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงเอทานอล ขณะที่อุปสงค์ข้าวโพดที่ใช้ในการผลิตเอทานอลได้กระตุ้นราคาธัญพืชให้ปรับตัวสูงขึ้นจนทำให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวโพดมากกว่าถั่วเหลือง
อย่างไรก็ตาม ผลผลิตถั่วเหลืองที่ลดลงส่งผลให้ราคาสูงขึ้น โดยในรอบสัปดาห์นั้นสัญญาถั่วเหลือส่งมอบเดือนพ.ค.ปรับตัวลดลง 4% แตะที่ 13.5275 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาข้าวสาลีล่วงหน้างวดส่งมอบเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้นเกือบ 5% แตะที่ 11.55 ดอลลาร์ต่อบุชเชล
ทั้งนี้ บริษัทผู้ผลิตอาหารหลายแห่งต่างเล็งเห็นถึงสถานการณ์ด้านราคาธัญพืชที่พุ่งสูงขึ้นจนส่งผลต่อตัวเลขผลกำไร และทำให้ผู้ประกอบการหลายรายขึ้นราคาค้าปลีกเพื่อชดเชยกับค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--