ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 4.53 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) หลังจากราคาพุ่งขึ้นไปทำนิวไฮเหนือ 110 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนเทขายกำไรเนื่องจากความกังวลที่ว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินที่บีบให้วาณิชธนกิจแบร์ สเติร์นส์ต้องขายกิจการให้เจพีมอร์แกนนั้น เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัวลงในระดับที่ลึกมาก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดร่วงลง 4.53 ดอลลาร์ แตะระดับ 105.68 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นไปทำนิวไฮที่ 110.80 ดอลลาร์เพราะได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 0.25%
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลดลง 7.81 เซนต์ แตะระดับ 3.0684 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดรูดลง 18.52 เซนต์ แตระดับ 2.5042 ดอลลาร์/แกลลอน
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากเอลารอน เทรดดิ้ง ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า "การที่เฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินเมื่อวานนี้ได้ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นทำนิวไฮที่เหนือระดับ 110 ดอลลาร์ แต่ต่อมาแรงขายทำกำไรได้ฉุดราคาร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินของเฟดสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังซบเซาลงมาก"
"นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้รุนแรงกว่าที่คิด โดยเฉพาะวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อที่บีบให้แบร์ สเติร์นส์ต้องขายกิจการให้เจพีมอร์แกน" ไฟนน์กล่าว
เอริค วิทเทอร์เนอร์ นักวิเคราะห์จากเอจี เอ็ดเวิร์ด แอนด์ ซัน กล่าวว่า นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อเฟดสาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีการผลิตในเดือนม.ค.ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมี.ค.
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐในปี 2550 มีอยู่ทั้งสิ้น 7.38 แสนล้านดอลลาร์ ลดลง 9% จากระดับ 8.11 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2549 และเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2544
"ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวอย่างไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานด้านอุปสงค์-อุปทาน แต่ถูกขับเคลื่อนด้วยการเก็งกำไรและกระแสคาดการณ์มากกว่า" วิทเทอร์เนอร์กล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--