ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 19.50 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ระยะถดถอยแล้ว นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นหลังจากสหรัฐเผยสต็อคน้ำมันดิบที่ร่วงลงเกินคาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 937.50 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 19.50 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 906.60-939.60 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 18.200 ดอลลาร์/ออน์ เพิ่มขึ้น 49.20 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.ดีดตัวขึ้น 10.695 เซนต์ ปิดที่ 4 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.022 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 2,044.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 15.00 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 463.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 5.80 ดอลลาร์
นายจอห์น แนดเลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทคิทโก บุลเลียน ดีลเลอร์สกล่าวว่า ตลาดทองคำได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่พุ่งขึ้น 2.37 ดอลลาร์ แตะระดับ 110.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 112.21 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต๊อคน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินประจำสัปดาห์ร่วงลงเกินคาด
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากไอเอ็มเอฟระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 0.5% เท่านั้นในปี 2551 ซึ่งถือเป็นอัตราการขยายตัวที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 17 ปี พร้อมกับเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ระยะถดถอยแล้วและจะฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกให้ทรุดตัวลงด้วย
ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมโลหะคาดการณ์ว่า ภาวะขาดแคลนพลังงานในชิลีอาจทำให้รัฐบาลชิลีต้องลดปริมาณการจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับเหมืองทองแดง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาทองแดงพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--