ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำสถิติใหม่เมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.) เนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงและความกังวลว่าอุปทานน้ำมันดิบในสหรัฐและต่างประเทศลดลง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 1.62 ดอลลาร์ ปิดที่ 111.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้น 0.54 เซนต์ ปิดที่ 3.2029 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.ดีดขึ้น 1.45 เซนต์ ปิดที่ 2.8218 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.บวกขึ้น 1.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาสัญญาน้ำมันปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อและจากข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันแคปไลน์ในช่วงสุดสัปดาห์ โดยท่อส่งน้ำมันดังกล่าวซึ่งมีความยาว 1,046 กิโลเมตรและสามารถส่งน้ำมันได้ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ในการลำเลียงน้ำมันดิบจากฝั่งกัลฟ์โคสต์ไปยังฝั่งมิดเวสต์ของสหรัฐ
นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยส่งให้ราคาน้ำมันทะยานขึ้นคือ ค่าเงินดอลลาร์ที่ลดลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร และการที่ ENI ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของอิตาลี ได้ลดการผลิตลง 5,000 บาร์เรลต่อวันในโรงงานที่ไนจีเรีย
การที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเหนือ 100 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงนี้ มีสาเหตุหลักมาจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ซึ่งดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาทำกำไรกับสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ในทางตรงกันข้าม หากเงินดอลลาร์แข็งค่า ก็จะทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--