กลุ่มกบฎไนจีเรียได้ก่อเหตุโจมตีท่อส่งน้ำมันของบริษัทโรยัล ดัชต์ เชลล์ 2 แห่งบริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำไนเจอร์ เพื่อตอบโต้และท้าทายสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการใช้น้ำมันมากที่สุดของโลก
เชลล์กล่าวว่า บริษัทได้ประกาศปิดโรงกลั่นชั่วคราว ซึ่งโรงกลั่นแห่งนี้สามารถผลิตน้ำมันได้ 169,000 บาร์เรลต่อวัน หลังจากที่ถูกโจมตีครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และกำลังประเมินความเสียหายจากการโจมตีท่อส่งน้ำมันโซกู-บูกุม่า และบูกุม่า-อะลากรี
นอกจากนี้ เชลล์ยังได้ประกาศ "ภาวะสุดวิสัย (force majeure)" เนื่องจากบริษัทไม่สามารถส่งมอบน้ำมัน 400,000 บาร์เรลต่อวันให้กับลูกค้าได้ตามกำหนด โดยการประกาศภาวะสุดวิสัยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 22 เม.ย.เป็นต้นไป
ภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ข้อพิพาทด้านแรงงาน การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
เหตุโจมตีดังกล่าวยิ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมัน และเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 117.48 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ และน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 114.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขบวนการปลดปล่อยสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ (MEND) อ้างว่า กลุ่มนักรบของตนได้เข้าโจมตีท่อส่งน้ำมัน 2 แห่งที่ที่แม่น้ำอิซากะ และอะบอนเนม่า ขณะที่กลุ่มกบฎไนจีเรียกล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้มีขึ้นเพื่อทำสงครามกับสหรัฐโดยตรง
ทั้งนี้ ไนจีเรียเป็นประเทศส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอันดับที่ 5 ของสหรัฐ โดยที่ผ่านมานั้นไนจีเรียมีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลภายใต้แกนนำของนายอูมารู ยาร์อาดัว ประธานาธิบดีไนจีเรีย สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--