ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 119 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) เพราะได้รับอิทธิพลจากสกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง และจากข่าวโจมตีท่อส่งน้ำมันของบริษัทเชลล์ในไนจีเรีย จนเป็นเหตุให้เชลล์ประกาศปิดโรงกลั่นและประกาศภาวะสุดวิสัย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดพุ่งขึ้น 1.89 ดอลลาร์ แตะระดับ 119.37 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 119.90 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสัญญาเดือนพ.ค.ครบกำหนดส่งมอบในวันอังคารที่ 22 เม.ย.แล้ว
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 3.73 เซนต์ แตะระดับ 3.0164 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.55 เซนต์ ปิดที่ 3.3169 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 115.95 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.52 ดอลลาร์
นายจอร์จ เจโร นักวิเคราะห์จากอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า "ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกือบจะเป็น 2 เท่าของปีที่แล้ว โดยในปีนี้ราคาทะยานขึ้นไปแล้วกว่า 24% ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างคับคั่งมาจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเหตุการณ์โจมตีท่อส่งน้ำมันในไนจีเรียที่ทำให้ผลผลิตภายในประเทศลดลง และรายงานที่ว่ายอดนำเข้าน้ำมันของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว"
กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนได้ลอบโจมตีท่อส่งน้ำมันของบริษัทเชลล์ ปิโตรเลียม ดิเวลล็อปเมนท์ ในไนจีเรีย จนเป็นเหตุให้เชลล์ประกาศปิดโรงกลั่นที่มีกำลังการผลิต 169,000 บาร์เรล/วันแห่งนี้ พร้อมทั้งประกาศ "ภาวะสุดวิสัย (force majeure)" โดยการประกาศภาวะสุดวิสัยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 22 เม.ย.เป็นต้นไป
ภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ข้อพิพาทด้านแรงงาน การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับอิทธิพลจากข่าวที่ว่า คนงานบริษัทอินิออสในอังกฤษซึ่งสามารถผลิตน้ำมันได้ 196,000 บาร์เรล/วัน ขู่ประท้วงนัดหยุดงาน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าหากบริษัทตัดสินใจปิดโรงงานก็อาจทำให้การผลิตน้ำมันจากแถบทะเลเหนือติดขัดไปด้วย
นักลงทุนจับตาดูข่าวที่ว่า นายอับดุลลา ซาเลม เอล-บาดรี เลขาธิการทั่วไปของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) กล่าวว่า โอเปคมีแผนที่จะทุ่มเงิน 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต 5 ล้านบาร์เรล/วันภายในปีพ.ศ.2555 พร้อมกล่าวว่าโอเปคตั้งเป้าที่จะเพิ่มกำลังการผลิต 9 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2563
เลขาธิการโอเปคกล่าวว่า จะมีการนำประเด็นอุปสงค์และอุปทานน้ำมันเข้าหารือในที่ประชุมพลังงานสากล แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าที่ประชุมจะสามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับราคาน้ำมันในเวลานี้ ว่าสูงหรือต่ำไป
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--