ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: ข่าวบีพีเล็งปิดท่อส่งน้ำมัน หนุนราคาน้ำมันดิบพุ่งปิด$118.30

ข่าวต่างประเทศ Thursday April 24, 2008 06:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 118 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อคน้ำมันเบนซินร่วงลงเกินคาด และความวิตกกังวลที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ หลังจากมีข่าวว่าบริษัทบีพีอาจต้องปิดท่อส่งน้ำมันในอังกฤษเนื่องจากเหตุการณ์ประท้วง และบริษัทเชลล์ยังคงปิดโรงกลั่นในไนจีเรียเนื่องจากท่อส่งน้ำมันถูกโจมตี
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดพุ่งขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.2% แตะระดับ 118.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 81 เซนต์ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.3250 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 3.43 เซนต์ ปิดที่ 3.0507 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อคน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 18 เม.ย.พุ่งขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 316.1 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อคน้ำมันเบนซินร่วงลง 3.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 212.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล
สต็อคน้ำมันกลั่นซึ่งรวมน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล ร่วง 1.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 104.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 300,000 บาร์เรล ขณะที่อัตราการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 4.2% แตะระดับ 85.6 % ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่รอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ก.พ.
ส่วนปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 118 ดอลลาร์มาจากข่าวที่ว่า บริษัทบีพีอาจปิดท่อส่งน้ำมันฟอร์ตี้ในอังกฤษหากเหตุการณ์ประท้วงยังคงยืดเยื้อ ซึ่งท่อส่งแห่งนี้สามารถลำเลียงน้ำมันได้ 700,000 บาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงกังวลกับข่าวที่ว่ากลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนได้ลอบโจมตีท่อส่งน้ำมันของบริษัทเชลล์ ปิโตรเลียม ดิเวลล็อปเมนท์ ในไนจีเรีย จนเป็นเหตุให้เชลล์ประกาศปิดโรงกลั่นที่มีกำลังการผลิต 169,000 บาร์เรล/วันแห่งนี้ พร้อมทั้งประกาศ "ภาวะสุดวิสัย (force majeure)" โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 22 เม.ย.เป็นต้นไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ