รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศเลื่อนการนำเข้าข้าวตามข้อกำหนดขององค์การการค้าโลก (WTO) จนกว่าราคาข้าวในตลาดโลกจะปรับตัวลง หลังจากที่ราคาทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่า นอกเหนือจากการรอให้ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวลงแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ญี่ปุ่นชะลอการนำเข้าข้าวคือปริมาณข้าวภายในประเทศยังมีอยู่มากพอ โดยในรอบปีซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นนำเข้าข้าวทั้งสิ้น 630,550 ตัน ตามข้อตกลงของ WTO ที่ต้องการให้ญี่ปุ่นนำเข้าข้าว 770,00 ตัน/ปี
ราคาข้าวในตลาดโลกทะยานขึ้นกว่า 2 เท่าในปีที่แล้ว เนื่องจากหลายประเทศ รวมถึงอินเดียและเวียดนาม ประกาศใช้มาตรการจำกัดการส่งออกข้าวเพื่อทำให้ประเทศมีข้าวเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศและสกัดกั้นเงินเฟ้อ ขณะที่ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่สุดของโลก สามารถซื้อข้าวจากต่างประเทศได้เพียง 2 ใน 3 ของวอลุ่มที่รัฐบาลกำหนดไว้ในวันที่ 17 เม.ย. ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าทั่วโลกอาจเผชิญภาวะขาดแคลนข้าว
นายโนบูยูกิ ชิโนะ ประธานบริษัทยูนิแพค เกรน กล่าวว่า "ญี่ปุ่นยังไม่ควรนำเข้าข้าวในช่วงเวลาที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ญี่ปุ่นยังมีข้าวมากพอและยังไม่ต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศในขณะนี้"
ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวเมื่อวานนี้ว่า "ถ้าญี่ปุ่นซื้อข้าวในตลาดโลกขณะนี้ ก็จะทำให้ราคาพืชผลพุ่งสูงขึ้นและทำให้สถานการณ์ในหลายประเทศ รวมถึงฟิลิปปินส์ ย่ำแย่ลงไปด้วย คงจะดีกว่าถ้าญี่ปุ่นบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือประเทศที่ขาดแคลนอาหารจำพวกข้าวในปีงบประมาณนี้ ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบส่วนนี้เอาไว้แล้ว"
ในช่วงวันนี้ ราคาข้าวในตลาดชิคาโกทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 25.01 ดอลลาร์/100ปอนด์
ราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้เกิดการจลาจลและความวุ่นวายในหลายประเทศ รวมถึงไฮติและอียิปต์ และคาดว่าในการประชุม G8 ซึ่งจะมีขึ้นที่ญี่ปุ่นในเดือนก.ค.นี้ ที่ประชุมจะชูประเด็นราคาอาหารที่สูงขึ้นเป็นประเด็นสำคัญ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--