ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 2.24 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (24 เม.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขว่างงานที่ลดลงเกินความคาดหมาย นอกจากนี้ สต็อคน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันร่วงลง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดร่วงลง 2.24 ดอลลาร์ แตะระดับ 116.06 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 114.25 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดลดลง 3.21 เซนต์ แตะระดับ 3.0186 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดลดลง 6.67 เซนต์ แตะระดับ 3.2583 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดร่วงลง 2.12 ดอลลาร์ แตะระดับ 114.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
เจมส์ คอร์ดิเยร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทแทมปาในรัฐฟลอริด้ากล่าวว่า "สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ ทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรสัญญาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันประเภทอื่นๆ เพราะเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจะทำให้สัญญาสินค้าเหล่านี้มีราคาแพงขึ้น โดยเฉพาะกับนักลงทุนต่างชาติ"
ค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงงานลดลง 33,000 ราย แตะระดับ 342,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3,000 ราย
"ตัวเลขว่างงานที่ลดลงและราคาน้ำมันดิบที่ยังเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าเฟดจะให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อจนต้องหยุดพักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" คอร์ดิเยร์กล่าว
ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่ฉุดราคาน้ำมันร่วงลงมาจากรายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐที่ระบุว่า สต็อคน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 18 เม.ย.พุ่งขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 316.1 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อคน้ำมันเบนซินร่วงลง 3.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 212.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล และสต็อคน้ำมันกลั่นซึ่งรวมน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล ร่วง 1.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 104.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 300,000 บาร์เรล
นักลงทุนให้ความสนใจกับการประชุมพลังงานนานาชาติ (IEF) ที่กรุงโรม ซึ่งมีรัฐมนตรีน้ำมันจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และประเทศผลิตภัณฑ์รายอื่นๆ ตลอดจนผู้บริหารบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของโลก เข้าร่วมประชุมด้วย โดยที่ประชุมระบุว่า ราคาน้ำมันควรอยู่ในระดับที่ผู้ผลิตและผู้บริโภคยอมรับได้ทั้งสองฝ่ายเพื่อที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--