ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) หลังจากกระทรวงพลังงานรายงานว่าน้ำมันดิบและน้ำมันกลั่นสำรองในรอบสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เหลือ 2%
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดร่วงลง 2.17 ดอลลาร์ แตะระดับ 113.46 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 113.30 - 116.70 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดลดลง 0.8 เซนต์ แตะระดับ 2.9312 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดรูดลง 5.15 เซนต์ แตะระดับ 3.195 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดร่วงลง 1.05 ดอลลาร์ แตะระดับ 112.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า การประกาศลดดอกเบี้ยของเฟดไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก เพราะตลาดคาดไว้อยู่แล้วว่าจะมีการลดดอกเบี้ยในอัตรา 0.25% ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนตัวลง และนักลงทุนเข้าซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ น้ำมัน เพื่อเก็งกำไร นอกจากนี้ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงยังทำให้น้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าในอนาคตจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ โดยเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซา อีกทั้งยังได้แสดงความวิตกถึงเงินเฟ้อด้วย ซึ่งสาเหตุสำคัญประการหนึ่งมาจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูง
"เราไม่อาจรู้ได้ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยอีกมากแค่ไหน แต่เราอาจกำลังจะไปถึงจุดที่ธนาคารจะยุติวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย" อีแวนส์กล่าว
ก่อนที่เฟดประกาศลดดอกเบี้ยนั้น ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงอยู่แล้ว เนื่องจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) ในสังกัดกระทรวงพลังงานของสหรัฐ ได้เปิดเผยว่าน้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 25 เม.ย. พุ่งขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์จากการสำรวจความคิดเห็นของบริษัทวิจัยพลังงานแพลทท์ได้คาดการณ์ไว้กว่าสองเท่า
ขณะที่น้ำมันกลั่นสำรอง ซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาดการณ์ถึง 7 เท่า ส่วนน้ำมันเบนซีนสำรอง ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าคาดการณ์เกือบสองเท่า
แต่นักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจกับการลดลงดังกล่าวมากนัก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะน้ำมันเบนซีสำรองยังอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ข้อมูลจาก EIA ยังเผยให้เห็นว่าความต้องการน้ำมันเบนซีนลดลงเล็กน้อยในช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ราคาน้ำมันเบนซีนที่สูงเป็นประวัติการณ์ทำให้ความต้องการลดลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--