ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่เมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.) หลังจากตลาดเคลื่อนตัวผันผวนตลอดทั้งวันเพราะมีทั้งแรงซื้อเก็งกำไรและแรงขายทำกำไรเข้ามาในตลาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ ปิดที่ 123.69 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 124.61 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้น 1.96 เซนต์ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.1378 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้น 6.25 เซนต์ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.5098 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้น 52 เซนต์ ปิดที่ 122.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
ลินดา แรฟฟิลด์ นักวิเคราะห์จากบริษัทแพลทส์กล่าวว่า "เราเชื่อว่าการที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นจนถึงระดับนี้เป็นเพราะแรงซื้อเก็งกำไร และการซื้อผ่านระบบอิเล็กทรอนิก ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวอย่างไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน
"นักลงทุนส่วนใหญ่เข้าซื้อเพราะคาดว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงอีกเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ รวมถึงยูโร ซึ่งกระแสคาดการณ์เช่นนี้จะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอีก นอกจากนี้ นักลงทุนกระหน่ำซื้อสัญญาน้ำมันดิบนับตั้งแต่โกลด์แมน แซคส์คาดว่าราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 200 ดอลลาร์" แรฟฟิลด์กล่าว
อาร์จัน เอ็น. เมอร์ตี หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งแตะระดับ 150-200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากอุปทานน้ำมันที่ไม่สามารถขยายตัวได้ทันกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โกลด์แมน แซคส์ระบุในรายงานว่า "จีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเร็วที่สุดในโลก มีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์กร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบทศวรรษที่ 16.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2544 ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันสำรองโลกถูกใช้ไปเกือบหมด ในขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างไนจีเรีย อิรัก และเวเนซูเอล่า ก็ผลิตน้ำมันได้น้อยลง"
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อคน้ำมันกลั่นซึ่งรวมน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล ลดลง 100,000 บาร์เรล แตะระดับ 105.7 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 2 พ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อคน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 325.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล และสต็อคน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล แตะระดับ 211.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 100,000 บาร์เรล
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--