ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 1.73 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) จากแรงขายทำกำไร เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศจีนทำให้เกิดความกังวลว่าอาจทำให้ความต้องการพลังงานในจีนลดน้อยลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 1.73 ดอลลาร์ หรือ 1.37% ปิดที่ 124.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 123.82-126.40 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดลดลง 7.62 เซนต์ แตะระดับ 3.5598 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดรูดลง 3.70 เซนต์ แตะระดับ 3.1642 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดร่วงลง 2.49 ดอลลาร์ แตะระดับ 122.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 122.50-125.63 ดอลลาร์
ฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอลารอน เทรดดิ้ง ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า นักลงทุนวิตกกังวลว่าความต้องการพลังงานในประเทศจีนอาจลดน้อยลงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.8 ริกเตอร์เมื่อวานนี้ ซึ่งแผ่นดินไหวครั้งนี้สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนไปไกลถึงกรุงเทพฯ เวียดนาม และปากีสถาน อีกทั้งคร่าชีวิตผู้เคราะห์ร้ายประมาณ 8,533 คน และทำให้การจ่ายพลังงานไฟฟ้าหยุดชะงักลง
"แผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศจีนส่งผลกระทบต่อโรงงานผลิตไฟฟ้าและการจ่ายไฟฟ้า ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย" ไฟน์กล่าว
ทอม เบนซ์ นักวิเคราะห์จากบีเอ็นพี พาริบาส์ คอมโมดิตี้ ฟิวเจอร์ส ในกรุงนิวยอร์ก แสดงความคิดเห็นว่า "ตลาดน้ำมันนิวยอร์กเข้าสู่ระยะพักฐาน หลังจากราคาพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงจนขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 126.40 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ เมื่อราคาพุ่งขึ้นไปแตะระดับดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรออกมา"
ก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง หลังจากโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งแตะระดับ 150-200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากอุปทานน้ำมันที่ไม่สามารถขยายตัวได้ทันกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โกลด์แมน แซคส์ระบุในรายงานว่า "จีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเร็วที่สุดในโลก มีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์กร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบทศวรรษที่ 16.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2544 ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันสำรองโลกถูกใช้ไปเกือบหมด ในขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างไนจีเรีย อิรัก และเวเนซูเอลา ผลิตน้ำมันได้น้อยลง"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--