บริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ยืนยันว่า กลุ่มกบฏแย่งแยกดินแดนได้เข้าโจมตีท่อส่งน้ำมันของเชลล์ในพื้นที่สามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ ประเทศไนจีเรีย ส่งผลให้น้ำมันรั่วไหลและทำให้ต้องระงับการผลิตเพื่อซ่อมแซมรอยรั่ว
"เรายืนยันรายงานข่าวที่ว่า ท่อส่งน้ำมันของบริษัทเชลล์ ปิโตรเลียม ดิเวลล็อปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (SPDC) ในเมืองอโวบาถูกคนร้ายโจมตีจริง และทำให้น้ำมันรั่วไหล ซึ่งเราได้ลำเลียงอุปกรณ์ไปซ่อมจุดที่รั่วนั้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องระงับการผลิตบางส่วนเพื่อไม่ให้รอยรั่วกินพื้นที่กว้างออกไป" โฆษกของเชลล์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจากข่าวที่ว่า ท่อส่งน้ำมันของบริษัท SPDC ถูกคนร้ายโจมตี ส่งผลให้บริษัทประกาศปิดโรงกลั่นชั่วคราว พร้อมทั้งประกาศ "ภาวะสุดวิสัย (force majeure)" เนื่องจากไม่สามารถส่งมอบน้ำมัน 400,000 บาร์เรลต่อวันให้กับลูกค้าได้ตามกำหนด โดยโรงกลั่นแห่งนี้สามารถผลิตน้ำมันได้ 169,000 บาร์เรลต่อวัน
ภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ข้อพิพาทด้านแรงงาน การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
คริสโตเฟอร์ เมนนิส นักวิเคราะห์จากบริษัทเวฟ เอนเนอร์จี ในรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า ไนจีเรียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบคุณภาพสูง แต่เนื่องจากเหตุก่อการร้ายภายในประเทศทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันของไนจีเรียลดลงเหลือ 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
"กลุ่มคนร้ายที่เรียกตัวเองว่า 'ขบวนการปลดปล่อยสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ (MEND)' ได้เข้าโจมตีและทำลายท่อส่งน้ำมันหลักๆในบริเวณสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์หลายครั้ง ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อการผลิตน้ำมันของไนจีเรีย" เมนนิสกล่าว สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--