ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดออสเตรเลีย พุ่งขึ้นแตะระดับ 133 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงเช้านี้ หลังจากมีข่าวว่ากลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนได้โจมตีท่อส่งน้ำมันของบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ในไนจีเรีย และจากข่าวที่ว่ากลุ่มโอเปคยืนยันที่จะไม่เพิ่มเพดานการผลิตน้ำมัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 08.30 น.ตามเวลากรุงซิดนีย์ในวันนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.และได้มีการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกที่ตลาดออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 0.6% แตะที่ระดับ 133.02 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 132.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้รับอิทธิพลจากข่าวที่ว่า กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนซึ่งใช้ชื่อว่า 'ขบวนการปลดปล่อยสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ (MEND)' ได้เข้าโจมตีท่อส่งน้ำมันของบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ในไนจีเรีย และจากข่าวที่ว่านายชากิบ เคลิล ประธานโอเปคยันยันว่าโอเปคจะไม่เพิ่มเพดานการผลิตเนื่องจากอุปทานน้ำมันในตลาดโลกยังมีอยู่มากพอ
โฆษกของรอยัล ดัทช์ เชลล์ ยืนยันว่า กลุ่มกบฏแย่งแยกดินแดนได้เข้าโจมตีท่อส่งน้ำมันของเชลล์ในพื้นที่สามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ ประเทศไนจีเรีย ส่งผลให้น้ำมันรั่วไหลและทำให้ต้องระงับการผลิตเพื่อซ่อมแซมรอยรั่ว
"เรายืนยันรายงานข่าวที่ว่า ท่อส่งน้ำมันของบริษัทเชลล์ ปิโตรเลียม ดิเวลล็อปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (SPDC) ในเมืองอโวบาถูกคนร้ายโจมตีจริง และทำให้น้ำมันรั่วไหล ซึ่งเราได้ลำเลียงอุปกรณ์ไปซ่อมจุดที่รั่วนั้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องระงับการผลิตบางส่วนเพื่อไม่ให้รอยรั่วกินพื้นที่กว้างออกไป" โฆษกของเชลล์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ประธานโอเปคคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะถ้าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกายังคงเป็นอยู่เช่นนี้ และเนื่องจากเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนตัว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--