ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 129 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด และจากความกังวลที่ว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอาจทำให้ความต้องการพลังงานในฤดูขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อนของสหรัฐลดน้อยลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 3.34 ดอลลาร์ ปิดที่ 128.85 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดของวันที่ 128.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 6.64 เซนต์ ปิดที่ 3.7992 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง1.30 เซนต์ ปิดที่ 3.3830 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.ดิ่งลง 4.06 ดอลลาร์ หรือ 3.07% ปิดที่ 128.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายทอม โคลซา นักวิเคราะห์จากบริษัทออยล์ ไพรส์ อินฟอร์เมชัน เซอร์วิส ในรัฐนิวเจอร์ซีกล่าวว่า ความกังวลที่ว่าราคาน้ำมันที่แพงขึ้นอาจทำให้ความต้องการน้ำมันในช่วงฤดูการขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อนของสหรัฐลดน้อยลง นักลงทุนจึงเทขายทำกำไรออกมา นอกจากนี้ การที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นทำให้นักลงทุนจำนวนมากย้ายเงินลงทุนเข้าไปในตลาดปริวรรตเงินตรา
ผลสำรวจของ Deloitte & Touche ซึ่งเป็นบริษัที่ปรึกษาของสหรัฐระบุว่า ราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในสหรัฐส่งผลให้ชาวอเมริกันเกือบ 1 ใน 4 ร่นระยะเวลาการนำรถยนต์ออกไปขับขี่เพื่อพักผ่อนในวันหยุด Memorial Day และบางรายถึงกับยกเลิกแผนการขับขี่รถยนต์
ขณะที่ผลสำรวจของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (AAA) ของสหรัฐระบุว่า มีชาวอเมริกันนำรถยนต์ออกมาขับขี่ในช่วงวันหยุด Memorial Day ประมาณ 37.9 ล้านคนเท่านั้น และขับขี่ด้วยระยะทางไม่ถึง 50 ไมล์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าปีที่แล้ว 1% และเป็นสถิติที่ปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2544
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 3.3% แตะระดับ 526,000 ยูนิต หลังจากดิ่งลงอย่างหนักถึง 11% ในเดือนมี.ค.
แต่ในระหว่างวันดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนพ.ค.ที่ดิ่งลงแตะระดับ 57.2 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 60.0 จุด
ก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 135 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีข่าวว่า กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนซึ่งใช้ชื่อว่า 'ขบวนการปลดปล่อยสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ (MEND)' ได้เข้าโจมตีท่อส่งน้ำมันของบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ในไนจีเรีย ส่งผลให้น้ำมันรั่วไหลและทำให้ต้องระงับการผลิตเพื่อซ่อมแซมรอยรั่ว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพฤหัสบดี โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 100,000 บาร์เรล และอัตราการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.5%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--