ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไรอย่างต่อเนื่องและมองว่าการที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลงจากระดับ 130 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นเพียงการพักฐานในระยะสั้นๆเท่านั้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (NewYork Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 73 เซนต์ ปิดที่ 127.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 2.87 เซนต์ ปิดที่ 3.6598 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมิ.ย. ดีดขึ้น 0.47 เซนต์ ดที่ 3.4089 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 89 เซนต์ ปิดที่ 127.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
แบรด แซมเพลส์ นักวิเคราะห์จากซัมมิท เอนเนอร์จี เซอร์วิส ในเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ กล่าวว่า "การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 4 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้ามาช้อนซื้อ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำนวนมากกังวลว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจะทำให้ความต้องการพลังงานลดน้อยลง"
"ภาวะการซื้อขายในวันนี้เป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากมีนักลงทุนอยู่ 2 ขั้ว ขั้วหนึ่งมองว่าราคาน้ำมันพุ่งขึ้นรุนแรงเกินไปแล้วและพร้อมที่จะเทขาย ส่วนอีกขั้วหนึ่งมองว่าความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศยักษ์ใหญ่และภาวะอุปทานตึงตัวที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 130 ดอลลาร์" แซมเพลส์กล่าว
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลง 4.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 126.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 23 พ.ค. ทรุดตัวลง 8.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 311.6 ล้านบาร์เรล และจากข่าวที่ว่าคณะกรรมการการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดล่วงหน้าของสหรัฐ (CFTC) เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการได้เข้าตรวจสอบการปั่นราคาในตลาดน้ำมันของสหรัฐ พร้อมกับใช้มาตรการที่จะช่วยให้การซื้อขายน้ำมันในตลาดล่วงหน้ามีความโปร่งใสมากขึ้น
คณะกรรมการ CFTC กล่าวว่า ทางคณะกรรมการกำลังสำรวจพฤติกรรมการทุ่มซื้อสัญญาน้ำมันที่มากเกินไป ตลอดจนการส่งมอบ การกักตุน และการค้าน้ำมันทั่วประเทศที่บิดเบือนไปจากสถานการณ์ความเป็นจริง ทั้งนี้ คณะกรรมการได้ริเริ่มใช้มาตรการเพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการซื้อขายสัญญาน้ำมันในตลาดล่วงหน้าทั้งในสหรัฐและในตลาดต่างประเทศ ซึ่งได้แก่การกำหนดให้นักลงทุนสถาบันซึ่งมีอิทธิพลต่อความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ ยื่นรายงานการซื้อขายประจำเดือนต่อทางคณะกรรมการฯ โดยมีเป้าหมายที่จะคำนวณดัชนีการซื้อขายได้อย่างถูกต้องและเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าการซื้อขายของสถาบันการเงินจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน
นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า การดำเนินการของ CFTC อาจมีเป้าหมายที่จะจำกัดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับราคาน้ำมัน ซึ่งที่ผ่านมานั้นราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากหลายปัจจัย รวมถึงความต้องการพลังงานในจีนและกลุ่มประเทศยักษ์ใหญ่ ที่พุ่งสูงขึ้น สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่กระตุ้นให้นักลงทุนสถาบันเข้าซื้อสัญญาน้ำมัน และส่งผลให้ราคาสัญญาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--