ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 3.45 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่าราคาน้ำมันที่แพงขึ้นอาจทำให้ผู้บริโภคลดการใช้น้ำมัน และหลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ซึ่งการส่งสัญญาณดังกล่าวช่วยหนุนสกุลเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้น และทำให้นักลงทุนมองว่าราคาน้ำมันอาจไม่สามารถทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ได้อีก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 3.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 124.31 ดอลลาร์/บาร์เรล และหลังจากตลาดปิดทำการแล้ว ราคาดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดที่ 123.87 ดอลลาร์ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 3.82 เซนต์ ปิดที่ 3.3525 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ค.รูดลง 8.24 เซนต์ ปิดที่ 3.6396 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 3.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 124.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
ผลสำรวจครั้งล่าสุดของ MasterCard SpendingPulse พบว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินในสหรัฐลดลง 4.7% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งรวมถึงความต้องการในช่วงวันหยุด Memorial Day ส่วนความต้องการน้ำมันเบนซินในรอบ 4 สัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 6%
ราเชล เซมบา นักวิเคราะห์จาก อาร์จีอีเอ็มมอร์นิเตอร์ กล่าวว่า "ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงทำให้ความต้องการลดน้อยลง ราคาน้ำมันที่ระดับ 130 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงกว่าเกินกว่าที่ผู้บริโภคจะแบกรับได้"
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพุธ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.4%
เบอร์นันเก้ กล่าวในที่ประชุมทางไกลผ่านดาวเทียมในเมืองบาเซโลนา ประเทศสเปน ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่ยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับความยากลำบากจากราคาน้ำมันและอาหารที่พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้อีกระยะหนึ่ง
"การแสดงความเห็นของเบอร์นันเก้และการคาดการณ์ที่เฟดจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ช่วยหนุนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้น เมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นนักลงทุนก็ปลีกตัวออกจากตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และหันเข้าเทรดในตลาดปริวรรตเงินตรา" เซมบากล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--