ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 2.69 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (20 มิ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับข่าวการซ้อมรบของอิสราเอล นอกจากนี้นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่า การที่จีนประกาศขึ้นราคาน้ำมันจะสามารถควบคุมปริมาณการใช้น้ำมันภายในประเทศได้จริง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 2.69 ดอลลาร์ ปิดที่ 134.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 2.86 ดอลลาร์ ปิดที่ 134.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนกระหน่ำซื้อสัญญาน้ำมันดิบหลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่เพนทากอน ว่าการซ้อมรบครั้งใหญ่ของอิสราเอลเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า อิสราเอลมีแสนยานุภาพสูงพอที่จะโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน และเป็นการทดสอบศักยภาพของนักบินในกรณีที่อิสราเอลตัดสินใจโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน
เพนทากอนระบุว่า การซ้อมรบของอิสราเอลนอกชายฝั่งเกาะครีต ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งมีการใช้เครื่องบินขับไล่ เอฟ-15 และ เอฟ-16 กว่า 100 ลำร่วมปฏิบัติการด้วยนั้น มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเตรียมพร้อมโจมตีระยะไกลและยังแสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวลของอิสราเอลที่มีต่อโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านด้วย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบร่วงลงเกือบ 5 ดอลลาร์ หลังจากรัฐบาลจีนประกาศขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลขึ้นอีก 16% และ 18% ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันเบนซินยืนอยู่ที่ระดับ 6,980 หยวน/ตัน และดีเซลอยู่ที่ระดับ 6,520 หยวน/ตัน โดยนักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าการขึ้นราคาน้ำมันครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะลดปริมาณการใช้น้ำมัน
อย่างไรก็ตาม มอร์แกน สแตนลีย์ ระบุว่าการที่รัฐบาลจีนตัดสินใจขึ้นราคาเชื้อเพลิงอาจจะไม่ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันลดลงมากนัก แต่น่าจะเป็นปัจจัยให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นมากกว่า
"เรามองว่ารัฐบาลจีนกำลังพยายามแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเงินในระยะใกล้ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันและกลุ่มผู้ผลิตพลังงานอิสระ (IPP) มากกว่าที่จะตั้งใจลดความต้องการพลังงาน การขึ้นราคาน้ำมันจะทำให้เศรษฐกิจจีนเผชิญแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมากขึ้น และอาจทำให้รัฐบาลจีนต้องประกาศขึ้นราคาไฟฟ้าอีกในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ การแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อทำได้ด้วยการควบคุมความต้องการน้ำมัน ไม่ใช่ขึ้นราคาน้ำมัน หากจีนมุ่งเน้นแต่เรื่องการควบคุมมาตรการกำหนดราคา ปัญหาความไม่สมดุลก็จะยิ่งหนักหน่วงขึ้นและผลประกอบการก็จะทรุดตัวลงด้วย" มอร์แกน สแตนลีย์กล่าว
ส่วนอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อคืนนี้ มาจากข่าวที่ว่า บริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ประกาศ "ภาวะสุดวิสัย (force majeure)" ที่โรงกลั่นน้ำมันในไนจีเรีย เนื่องจากไม่สามารถส่งมอบน้ำมันให้กับลูกค้าได้ตามสัญญา หลังจากกลุ่มกบฏไนจีเรียโจมตีแท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง
ภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ข้อพิพาทด้านแรงงาน การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
จิม ริทเทอร์บุช นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากบริษัทริทเทอร์บุช แอนด์ แอสโซซิเอทส์ ในรัฐอิลลินอยส์กล่าวว่า "การที่ราคาน้ำมันร่วงลงเกือบ 5 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบ และพุ่งขึ้น 2.69 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีอาการ "โอเวอร์รีแอค" ต่อปัจจัยที่เข้ามากระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่จีนขึ้นราคาน้ำมันหรืออิสราเอลซ้อมรบ"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--