จอห์น วิกซ์ลีย์ หัวหน้าฝ่ายกิจการเอเชียประจำธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด คาดการณ์ว่า นักลงทุนในภูมิภาคเอเชียอาจจะเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นและสกุลเงินเอเชียมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
"แนวโน้มราคาทองคำในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์เงินเฟ้อ นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) พุ่งสูงขึ้น และสกุลเงินในเอเชียอ่อนค่าลง และซื้อทองเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะผันผวนในตลาดเงินและภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมือง" วิกซ์ลีย์กล่าวให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กที่ฮ่องกง
"ความต้องการทองคำพุ่งสูงขึ้นในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะความต้องการทองคำในจีน อินเดีย และประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ประเทศอื่นๆ พุ่งสูงขึ้น และคาดว่าความต้องการทองคำในอินเดียจะสูงขึ้นอีกในไตรมาส 3" วิกซ์ลียกล่าว
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ราคาทองคำตลาด NYMEX พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,032.70 ดอลลาร์ ส่วนการซื้อขายสัญญาทองคำ NYMEX ทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ช่วงเช้าวันนี้ ราคาทองขยับขึ้น 0.5% แตะระดับ 906.34 ดอลลาร์/ออนซ์
รายงานระบุว่า ธนาคารอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงค์ ออฟ ไชน่า (ICBC) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของจีน เข้าซื้อทองคำมูลค่า 5.4 ล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นมูลค่าการลงทุนในต่างประเทศสูงสุดของธนาคารจีน
ข้อมูลของ GFMS บ่งชี้ว่า ความต้องการทองคำสำหรับทำเครื่องประดับในเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น อยู่ที่ระดับ 1,107 ตัน/ปีในปีพ.ศ. 2550 จากความต้องการทั้งหมดทั่วโลกที่ระดับ 2,425.7 ตัน โดยจีนเป็นประเทศที่ใช้ทองคำมากเป็นอันดับสองของโลก รองจากอินเดีย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--