ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.38 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ซาอุดิอาระเบียเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเพียง 200,000 บาร์เรล/วัน และความกังวลที่ว่าผลผลิตน้ำมันในไนจีเรียลดน้อยลง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 1.38 ดอลลาร์ ปิดที่ 136.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 1.59 เซนต์ ปิดที่ 3.4551 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 2.58 เซนต์ ปิดที่ 3.7975 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 1.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 135.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
ลินดา แรฟฟิลด์ นักวิเคราะห์จากบริษัทแพลทส์กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้ซาอุดิอาระเบียยืนยันว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันอีกในปีนี้หากตลาดต้องการ โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของสมาชิกชาติอื่นๆของกลุ่มโอเปค แต่ในการประชุมสุดยอดน้ำมันโลกที่เมืองเจดดะห์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซาอุดิอาระเบียประกาศว่าจะเพิ่มการผลิตเพียง 200,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค. แตะระดับ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน"
"การเพิ่มการผลิตน้ำมันเพียง 200,000 บาร์เรล/วันยังอยู่ห่างไกลจากการคาดการณ์ของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ซาอุดิอาระเบียแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นรุนแรงมาจากการเก็งกำไรและสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง" แรฟฟิลด์กล่าว
ขณะที่ แอนดรูว์ เลโบว์ นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอล กล่าวว่า "ผลการประชุมสุดยอดที่เมืองเจดดะห์ไม่มีอะไรคืบหน้าและไม่ได้สร้างปรากฏการณ์ใดๆ เป็นเพียงการพบปะหารือและหาแนวทางควบคุมราคาน้ำมัน แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่มีสรุป ซาอุดิอาระเบียแสดงท่าทีวิตกกังวลต่อราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้"
ที่ประชุมสุดยอดกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันและผู้ใช้น้ำมันซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเจดดะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มีควบคุมราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในขณะนี้ โดยระบุว่าทุกประเทศควรใช้มาตรการที่โปร่งใสและเป็นขั้นเป็นตอนในการรับมือกับเรื่องนี้ และควรมีการลงทุนในด้านการผลิตมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังไม่สามารถสรุปมาตรการที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ในขณะนี้
ในการประชุมครั้งนี้ นายซามูเอล บ็อดแมน รมว.พลังงานสหรัฐระบุว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นมาจากปริมาณที่มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่หลีกเลี่ยงที่จะระบุว่า"การเก็งกำไร"เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลกับข่าวที่ว่า เหตุการณ์ที่กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในไนจีเรียบุกโจมตีท่อขนส่งน้ำมันของบริษัทเชฟรอน ส่งผลให้เชฟรอนต้องประกาศหยุดการผลิตน้ำมันและทำให้บริษัทต้องสูญเสียการผลิตน้ำมันไป 120,000 บาร์เรล/วัน
เหตุการณ์ที่ไม่สงบบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันของไนจีเรียสูญหายไปราว 1 ใน 4 ของปริมาณการผลิตทั้งหมดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นในขณะนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--