ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: ราคาน้ำมันดิบร่วง $2.45 หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันพุ่ง

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 2.45 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (25 มิ.ย.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้ความต้องการน้ำมันในสหรัฐลดน้อยลงด้วย ขณะที่การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แทบจะไม่มีผลกระทบต่อภาวะการซื้อขายในตลาด
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 2.45 ปิดที่ 134.55 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนไหวในกรอบ 136.60-132.03 ดอลลาร์
          ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 6.94 เซนต์ ปิดที่ 3.3941 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 6.44 เซนต์ ปิดที่ 3.7492 ดอลลาร์/แกลลอน
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 2.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 134.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
          ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรอย่างหนัก หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 20 มิ.ย. เพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล แตะระดับ 301.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
          ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 100,000 บาร์เรล แตะระดับ 208.8 ล้านบาร์เรล แต่ลดลงน้อยกว่าที่คาดว่าจะร่วงลงถึง 200,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและฮีทติ้งออยล์เพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 119.4  ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล 
          เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed funds rate) ไว้เท่าเดิมที่ 2.00% และคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ที่ 2.25% 
          "แต่การตัดสินใจตรึงดอกเบี้ยและแถลงการณ์ภายหลังการประชุมของเฟดไม่ได้กระตุ้นการซื้อขายให้คึกคักขึ้นหรือทำให้การซื้อขายซบเซาลง" ไฟนน์กล่าว
          นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยในรายงานประจำเดือนว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมร่วงลง 8.5% ในเดือนก.พ. และความต้องการน้ำมันเบนซินลดลง 6.2% ขณะที่บริษัทมาสเตอร์การ์ด แอดไวเซอร์สรายงานว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินค้าปลีกในสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้วลดลง 1.6% เมื่อเทียบกับสัปดาห์เดียวกันในปีที่แล้ว