ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 2.60 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบร่วงลงเกินคาด และจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก รวมถึงข่าวการซ้อมรบของอิสราเอลที่ส่งสัญญาณว่าอาจโจมตีฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 2.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 143.57 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 144.32 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ค.ดีดขึ้น 12.8 เซนต์ ปิดที่ 4.0715 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 3.6 เซนต์ ปิดที่ 3.5494 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 3.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 144.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
ฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอลารอน เทรดดิ้ง ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า "นักลงทุนกระหน่ำซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพราะประเมินว่าอุปทานพลังงานในสหรัฐอาจมีไม่พอรองรับความต้องการในฤดูร้อน หลังจากสหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงเกินคาด ส่วนปัจจัยอื่นๆที่หนุนราคาน้ำมันได้แก่สกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลรวมถึงสหรัฐ"
กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 27 มิ.ย.ร่วงลง 2 ล้านบาร์เรล หรือ 0.7% แตะระดับ 299.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าระดับของปีที่แล้วประมาณ 15.3% และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล หรือ 1% แตะระดับ 210.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าระดับของปีที่แล้วประมาณ 3.1% และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 500,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซลและฮีทติ้งออยล์ เพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 120.7 ล้านบาร์เรล แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล
นายชากิบ เคลิล ประธานกลุ่มโอเปคกล่าวกับผู้สื่อข่าวนอกรอบการประชุม World Petroleum Congress ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองมาดริด ประเทศสเปน ว่า "ราคาน้ำมันไม่ได้แพงขึ้นเพราะการขาดแคลนอุปทานตามที่บางประเทศกล่าวอ้าง แต่เป็นเพราะสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงและการเก็งกำไรในตลาดน้ำมัน ส่วนปัจจัยอื่นๆได้แก่ สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก
"หากอิหร่านถูกโจมตี ราคาน้ำมันดิบก็จะพุ่งขึ้นอีกเนื่องจากอิหร่านเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มโอเปค การโจมตีอิหร่านจะทำให้การผลิตน้ำมันและการลำเลียงน้ำมันในตะวันออกกลางชะงักงัน" นายเคลิลกล่าว
สำนักข่าวเอบีซี นิวส์ รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนทากอน) ว่า การซ้อมรบครั้งใหญ่ของอิสราเอลเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า อิสราเอลมีแสนยานุภาพสูงพอที่จะโจมตีฐานที่ตั้งโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--