ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าภาวะอุปทานตึงตัวเริ่มคลี่คลายลง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 3.92 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 141.37 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 139.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวลง 13.64 เซนต์ ปิดที่ 3.9696 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ค.รูดลง 8.83 เซนต์ ปิดที่ 3.4827 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 2.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 141.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอลารอน เทรดดิ้ง ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า "เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานักลงทุนกระหน่ำซื้อสัญญาน้ำมันดิบก่อนที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์นิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 4 ก.ค.เนื่องในวันชาติสหรัฐ และเนื่องจากความกังวลที่ว่าความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลอาจเป็นเหตุให้การลำเลียงขนส่งน้ำมันติดขัด"
"แต่เนื่องจากตลอดวันหยุดยาวที่ผ่านมายังไม่มีปัจจัยลบหรือข่าวความคืบหน้าใดๆที่บ่งชี้ว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางเลวร้ายลง จึงทำให้นักลงทุนตัดสินใจเทขายสัญญาน้ำมันดิบ" ไฟนน์กล่าว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงหลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนทากอน) ว่า อิสราเอลทำการซ้อมรบครั้งใหญ่เมื่อต้นเดือนมิ.ย. เพื่อส่งสัญญาณว่าอิสราเอลมีแสนยานุภาพสูงพอที่จะโจมตีฐานที่ตั้งโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน
เจ้าหน้าที่เพนทากอนระบุว่า การซ้อมรบของอิสราเอลนอกชายฝั่งเกาะครีต ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งมีการใช้เครื่องบินขับไล่ เอฟ-15 และ เอฟ-16 กว่า 100 ลำร่วมปฏิบัติการด้วยนั้น มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเตรียมพร้อมโจมตีระยะไกลและยังแสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวลของอิสราเอลที่มีต่อโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านด้วย
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อิหร่านเสนอให้มีการเจรจาเพื่อคลี่คลายปัญหานิวเคลียร์ แต่ปฏิเสธที่จะระงับการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม แม้ 6 ประเทศมหาอำนาจของโลกเสนอว่าจะให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีกับอิหร่าน หากอิหร่านยอมระงับการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม
ในขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการทหารของอิหร่านได้ขู่ว่าจะทำการปิดช่องแคบฮอร์มุซหากอิหร่านถูกโจมตี และจะใช้ยุทธวิธีทางทหารโต้ตอบในทันที หลังจากที่มีข่าวว่าอิสราเอลอาจกำลังวางแผนโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน
อิหร่านเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 4 ของโลกและใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มโอเปค นักวิเคราะห์กังวลว่าหากมีการโจมตีอิหร่านจะส่งผลให้การลำเลียงน้ำมันที่ช่องแคบฮอร์มุซชะงักงัน เนื่องจากเรือบรรทุกน้ำมัน 40% ทั่วโลกต้องแล่นผ่านช่องแคบแห่งนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--