ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่าอิหร่านทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยระยะไกล และหลังจากสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบร่วงลงเกินคาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ขยับขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 136.05 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 138.28 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ปรับตัวลง 3.14 เซนต์ ปิดที่ 3.8516 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 1.77 เซนต์ ปิดที่ 3.3808 ดอลลาร์/แกลลอน
ในช่วงเช้านั้น ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุที่ 138.28 ดอลลาร์ หลังจากสถานีโทรทัศน์อัล-อาลัมของทางการอิหร่านรายงานว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านได้ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกล Shahab 3 น้ำหนัก 1 ตัน และมีรัศมีทำการ 2,000 กิโลเมตร ซึ่งสามารถได้ไกลถึงดินแดนอิสราเอล ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่าการยิงทดสอบขีปนาวุธของอิหร่านจะนำไปสู่สงคราม
พลเอกฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอิหร่านกล่าวว่า การทดสอบยิงขีปนาวุธในครั้งนี้เป็นการแสดงแสนยานภาพให้เห็นว่าอิหร่านพร้อมที่จะตอบโต้ศัตรูในทุกรูปแบบ
ก่อนหน้านี้ นายอาลี ชีราซี ผู้ช่วยนายอยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวว่า อิหร่านจะโจมตีอิสราเอลและสหรัฐทันทีหากฐานที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกโจมตี และขู่ว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นเส้นทางที่เรือบรรทุกน้ำมันกว่า 1 ใน 5 ของโลกจะต้องใช้เส้นทางนี้
วิคเตอร์ ชูม นักวิเคราะห์จากบริษัทเพอร์วิน แอนด์ เกิร์ซ แสดงความเห็นว่า "การทดสอบยิงขีปนาวุธของอิหร่านสร้างความตื่นตระหนกในตลาด และถือเป็นปฏิบัติการที่สวนทางกับคำพูดของประธานาธิบดีมาห์มุด อามาดิเนจ๊าด ที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า อิหร่านไม่มีความคิดที่จะทำสงครามกับสหรัฐและอิสราเอล และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
"เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อดำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงของประชาคมโลก ดังนั้นขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ว่าจะไม่เกิดสงครามขึ้นอย่างแน่นอน แต่หากจะมีก็เป็นในส่วนของสงครามจิตวิทยาหรือการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น" ประธานาธิบดีอามาดิเนจ๊าดกล่าวในที่ประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาแห่งโลกมุสลิม 8 ประเทศที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 4 ก.ค.ร่วงลง 5.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 293.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล แตะระดับ 211.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 200,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 122.5 ล้านบาร์เรล ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล
ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานในสหรัฐนั้น ล่าสุดมีรายงานว่านางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาคองเกรสได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ออกสู่ตลาดภายในประเทศ เพื่อสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และเพื่อยับยั้งเศรษฐกิจไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--