สัญญาน้ำมัน NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ค.) หลังอิหร่านทำการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลซึ่งระบุว่าสามารถยิงไปถึงอิสราเอลได้ เพื่อเป็นการเตือนว่าอิหร่านพร้อมโต้ตอบทันทีหากถูกอิสราเอลและสหรัฐโจมตี
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนส.ค.และได้มีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวสูงขึ้น 63 เซนต์ แตะ 136.68 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังขยับขึ้น 1 เพนนี ปิดที่ 136.05 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อวานนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือส่งมอบเดือนส.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 51 เซนต์ แตะ 137.09 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้น 15 เซนต์ ปิดที่ 136.58 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวานนี้
"ผมเชื่อว่าราคาน้ำมันจะยังปรับตัวสูงขึ้นอีก" เคน ฮาเซงาว่า จาก Newedge Japan brokerage ในโตเกียว กล่าว โดยราคาน้ำมันจะเคลื่อนตัวอยู่ในระดับ 130-140 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนที่จะพุ่งแตะ 150 ดอลลาร์/บาร์เรลต่อไป
"สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอิสราเอลเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น" นายฮาเซงาว่า กล่าว
โดยเมื่อวานนี้อิหร่านได้ทำการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลซึ่งเชื่อว่าสามารถยิงไปถึงอิสราเอลได้ สร้างความโกรธเคืองให้กับสหรัฐซึ่งวิตกเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แม้อิหร่านจะยืนกรานว่าทำการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์อย่างสันติก็ตาม
ในขณะเดียวกัน กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่าปริมาณน้ำมันสำรองลดลง 5.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม ข่าวที่ว่าบริษัท รอยัล ดัทช์ เชลล์ ได้ยกเลิกภาวะเหตุสุดวิสัยในการส่งออกน้ำมันจากแหล่งน้ำมันบองกาในไนจีเรีย ได้ช่วยลดความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันลงส่วนหนึ่ง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--