กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในระยะยาว โดยระบุว่า ปริมาณการใช้น้ำมันในปีพ.ศ.2573 จะอยู่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ประมาณ 3.7% เนื่องจากประเทศทั่วโลกใช้นโยบายประหยัดพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือระดับ 140 ดอลลาร์ ซึ่งทำให้ทั่วโลกรณรงค์เรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและหันไปใช้พลังงานทางเลือกใหม่
โอเปคซึ่งผลิตน้ำมันได้ราว 40% ของปริมาณการผลิตน้ำมันทั่วโลก เปิดเผยในรายงานประจำปี World Oil Outlook ว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีพ.ศ.2573 จะลดลงสู่ระดับ 113.3 ล้านบาร์เรล/วัน จากปีที่แล้วที่ระดับ 117.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนในปี 2551 โอเปคคาดว่าความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะอยู่ที่ 86.9 ล้านบาร์เรล/วัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า โอเปคมีแนวทางในการสร้างเสถียรภาพหรือสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอย่างไรบ้าง นายอับดุลเลาะห์ ซาเล็ม เอล-บาดรี เลขาธิการโอเปคยืนยันว่า "แม้โอเปคเพิ่มผลผลิตตามที่ชาติตะวันตกต้องการ แต่ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง เราเชื่อว่าราคาน้ำมันเคลื่อนตัวสอดคล้องกับปัจจัยอุปสงค์และอุปทาน และเชื่อว่าน้ำมันในตลาดโลกไม่ได้ขาดแคลน"
"ส่วนเรื่องราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นนั้น โอเปคมองว่ามาจากหลากหลายสาเหตุ รวมถึงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศในตะวันออกกลาง การเก็งกำไร และภาวะติดขัดด้านการกลั่นน้ำมัน ทั้งหมดนี้คือปัญหาสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น" เลขาธิการโอเปคกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า โอเปคจะพิจารณาเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในการประชุมเดือนก.ย.เพื่อช่วยคลี่คลายความตื่นตระหนกในตลาดน้ำมันหรือไม่ นายเอลบาดรีกล่าวว่า "เดือนก.ย.ยังอีกยาวไกลกว่าจะถึง โอเปคจะตัดสินใจอีกครั้งเมื่อเวลานั้นมาถึง" สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--