ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 5 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) โดยราคาร่วงลงหลุดจากระดับ 130 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 เดือน เนื่องจากความกังวลที่ว่าราคาน้ำมันที่แพงขึ้นจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นด้วย ส่วนอีกปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันดิบร่วงลงมาจากสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 5.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 129.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 9.72 เซนต์ ปิดที่ 3.7438 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 11.61 เซนต์ ปิดที่ 3.1633 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 5.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 131.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
เจมส์ คอร์ดิเยร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทลิเบอร์ตี้ เทรดดิ้ง กรุ๊ปกล่าวว่า "นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าราคาน้ำมันที่แพงขึ้นจะบั่นทอนตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ความกังวลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนตัดสินใจกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบติดต่อกัน 3 วันทำการ ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงหลุดจากระดับ 129 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 เดือน"
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรล หรือ 1% ในสัปดาห์ก่อน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินก็เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายเช่นกัน
ไมเคิล ริค นักวิเคราะห์จากบริษัทแพลทส์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐ กล่าวว่า "ราคาก๊าซธรรมชาติร่วงลงกว่า 8% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากกว่าที่สุดในรอบ 1 ปี ทุกครั้งที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลง จะส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลงด้วย ส่วนอีกปัจจัยที่ฉุดราคาก๊าซร่วงลงมาจากรายงานที่ว่า ก๊าซธรรมชาติสำรองในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้น 104 ล้านลูกบาศก์ฟุต แตะระดับ 2.31 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
นักลงทุนยังคงติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอล โดยล่าสุดกระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า อิหร่านมีศักยภาพในการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งสามารถโจมตีพื้นที่หลายแห่งในยุโรปใต้และยุโรปตะวันออก โดยเชื่อว่าขณะนี้อิหร่านมีขีปนาวุธพิสัย 1,250 ไมล์ (2,000 กิโลเมตร)
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อิหร่านได้ทดสอบยิงขีปนาวุธ 2 ครั้ง โดยมีการ ยิงขีปนาวุธจำนวนหลายลูก รวมถึงขีปนาวุธชาฮับ-3 รุ่นใหม่ที่มีพิสัยระยะกลางซึ่งอาจใช้โจมตีได้ไกลถึงอิสราเอล
กระทรวงกลาโหมสหรัฐยังระบุว่า อิหร่านกำลังพัฒนาขีปนาวุธเชื้อเพลิงแข็งที่รู้จักกันในชื่อ "แอสฮูรา" ที่มีพิสัย 1,250 ไมล์
นอกจากนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังความมั่นคงแห่งไนจีเรียและมือปืนที่บุกโจมตีเรือของกองกำลังรักษาความมั่นคงในพื้นที่สามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันที่สำคัญของไนจีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 คนและได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน ทั้งนี้ สถานการณ์ที่ไม่สงบในไนจีเรียส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบภายในประเทศลดลงไปราว 20,000 บาร์เรล/วัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--