ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) จากแรงซื้อเก็งกำไร หลังจากที่ราคาดิ่งลงไปเกือบ 4 ดอลลาร์เมื่อวันพุธ โดยนักลงทุนยังคงจับตาดูทิศทางของพายุ"ดอลลี" และความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก รวมทั้งสถานการณ์รุนแรงในไนจีเรีย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 125.49 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 125.95-123.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ดีดขึ้น 1.7 เซนต์ ปิดที่ 3.5671 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 2.5 เซนต์ ปิดที่ 3.0594 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 126.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงไปถึง 3.98 ดอลลาร์ แตะระดับ 124.44 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าราคาน้ำมันที่แพงขึ้นในยามที่เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง จะส่งผลให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันดิบร่วงลงด้วย
กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์สัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 295.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยับลงเพียง 700,000 บาร์เรล
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐระบุว่า พายุเฮอริเคนดอลลีอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้ว หลังจากพัดขึ้นฝั่งที่เกาะในรัฐเท็กซัสของสหรัฐด้วยความเร็วลม 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ เมื่อเคลื่อนตัวลึกเข้าหาฝั่ง
สตีเฟ่น ชอร์ค นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยด้านพลังงานรายใหญ่ในสหรัฐกล่าวว่า นักลงทุนยังคงจับตาดูสถานการณ์ความไม่สงบในไนจีเรีย หลังจากเกิดเหตุระเบิดที่ท่อส่งน้ำมันของบริษัท Eni SpA ในพื้นที่ตอนใต้ของไนจีเรีย ซึ่งเป็นฝีมือของกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน และเกิดเหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังความมั่นคงแห่งไนจีเรียและมือปืนที่บุกโจมตีเรือของกองกำลังรักษาความมั่นคงในพื้นที่สามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันที่สำคัญของไนจีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 คนและได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน
"สถานการณ์ที่ไม่สงบในไนจีเรียส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบภายในประเทศลดลงไปราว 20,000 บาร์เรล/วัน หรือ เกือบ 1 ใน 4 ของปริมาณการผลิตโดยรวมของไนจีเรียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่สุดในทวีปแอฟริกา" ชอร์คกล่าว
เจมส์ คอร์ดิเยร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเลเบอร์ตี้ เทรดดิ้ง กรุ๊ป กล่าวว่า "ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทำให้สายการบินหลายแห่งงดเที่ยวบินบางส่วน ประชาชนขับขี่น้อยลง หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ผมคาดว่าราคานำมันอาจจะร่วงลงไปแตะระดับ 110 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในเดือนก.ย.นี้"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--