ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 2.23 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) โดยในระหว่างวันราคาร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและบั่นทอนตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 2.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 123.26 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย.ที่ 122.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 4.42 เซนต์ ปิดที่ 3.5229 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 2.71 เซนต์ ปิดที่ 3.0323 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 97 เซนต์ ปิดที่ 124.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
จอฟฟ์ ซันด์สตรอม โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐ (AAA) กล่าวว่า ราคาพลังงานที่แพงขึ้นส่งผลให้ชาวอเมริกันระมัดระวังในการจัดจ่ายใช้สอย โดยชาวอเมริกันนำรถยนต์ออกมาขับขี่ในช่วงวันหยุด Memorial Day ประมาณ 37.9 ล้านคนเท่านั้น และขับขี่ด้วยระยะทางไม่ถึง 50 ไมล์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าปีที่แล้ว 1% และเป็นสถิติที่ปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2544
ขณะที่ผลสำรวจของ Deloitte & Touche ซึ่งเป็นบริษัที่ปรึกษาของสหรัฐระบุว่า ราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในสหรัฐส่งผลให้ชาวอเมริกันเกือบ 1 ใน 4 ร่นระยะเวลาการนำรถยนต์ออกไปขับขี่เพื่อพักผ่อนในวันหยุด Memorial Day และบางรายถึงกับยกเลิกแผนการขับขี่รถยนต์
นายทอม โคลซา นักวิเคราะห์จากบริษัทออยล์ ไพรส์ อินฟอร์เมชัน เซอร์วิส ในรัฐนิวเจอร์ซีกล่าวว่า ความกังวลที่ว่าราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทำให้ความต้องการน้ำมันในช่วงฤดูการขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อนของสหรัฐลดน้อยลง นักลงทุนจึงเทขายทำกำไรออกมา นอกจากนี้ การที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นทำให้นักลงทุนจำนวนมากย้ายเงินลงทุนเข้าไปในตลาดปริวรรตเงินตรา
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบร่วงลงไปเกือบ 4 ดอลลาร์หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์สัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 295.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยับลงเพียง 700,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 217.1 ล้านบาร์เรล โดยเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 128.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 11 ติดต่อกัน และเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2.3 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนยังคงจับตาดูความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก หลังจากนายมาห์หมุด อมาดิเนจ๊าด ประธานาธิบดีอิหร่านยืนยันว่า อิหร่านไม่สนแรงกดดันจากประเทศมหาอำนาจที่ต้องการให้อิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์
"พวกเขาพูดว่าอิหร่านยอมศิโรราบแล้ว พวกเขาคิดผิด แต่ผมอยากบอกว่าถ้าพวกชาติมหาอำนาจคิดว่าพวกเขาจะนั่งลงและหารือถึงเรื่องสิทธิของอิหร่านและสร้างแรงกดดันให้กับอิหร่าน ผมบอกได้เลยว่าเรื่องนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นต่อให้อีก 100 ปีข้างหน้าก็ตาม ประชาชนชาวอิหร่านมองว่าพลังงานนิวเคลียร์เป็นสิทธิอันชอบธรรมของอิหร่านและเป็นสิทธิที่ไม่อาจปฏิเสธได้ อิหร่านจะยืนหยัดต่อสู้เรื่องนี้จนถึงที่สุด" อมาดิเนจ๊าดกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ Yasouj ของอิหร่าน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--