สัญญาน้ำมัน NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์เดินหน้าขึ้นสู่ระดับ 124 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเช้าวันนี้ (28 ก.ค.) โดยราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ จากแรงซื้อทางเทคนิคและแรงซื้อเพื่อชดเชยการทำช็อตเซลล์หลังจากที่นักลงทุนกระหน่ำเทขายสัญญาน้ำมันอย่างหนักเมื่อหลายวันที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นักวิเคราะกล่าวว่า ความวิตกกังวลต่อความต้องการน้ำมันที่ชะลอตัวลงได้ฉุดรั้งให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา และส่งผลให้ตลาดน้ำมันซบเซาลงอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ในช่วงเช้านี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.และได้มีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ดีดตัวขึ้น 46 เซนต์ สู่ระดับ 123.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่ราคาน้ำมันร่วงลง 2.23 ดอลลาร์ปิดที่ 123.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
มาร์ก เปอร์วาน นักวิเคราะห์จาก Australian & New Zealand (ANZ) Bank กล่าวว่า กระแสคาดการณ์ที่ว่าโอเปคจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนนี้ท่ามกลางความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลงยังเป็นความเคลื่อนไหวที่บั่นทอนบรรยากาศการซื้อขายในตลาด
อย่างไรก็ตาม ความหวั่นวิตกต่อสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และเหตุการณ์โจมตีโรงกลั่นน้ำมันในไนจีเรีย ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศโอเปคยังเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังทิศทางของราคาน้ำมัน
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจาดของอิหร่านกล่าวว่า อิหร่านมีเครื่องเสริมสมรรถนะยูเรเนียมไว้ในครอบครองถึง 5,000 เครื่องแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโครงการนิวเคลียร์ที่มีความคืบหน้าไปมาก ขณะที่ชาติตะวันตกมองว่าอิหร่านมีเป้าหมายที่จะผลิตอาวุธนิวเคลียร์
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของผู้นำอิหร่านอาจสร้างความขุ่นเคืองให้ชาติมหาอำนาจที่ยื่นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจและด้านอื่นๆเพื่อจูงใจให้อิหร่านยอมยุติการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--