ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันเบนซินที่ร่วงลงเกินความคาดหมาย ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ระลอกใหม่ว่า แม้ราคาเชื้อเพลิงพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ไม่ได้ทำให้ชาวอเมริกันลดการขับขี่ยานยนต์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 4.58 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 126.77 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 127.39 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้น 5.08 เซนต์ ปิดที่ 3.5203 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ดีดขึ้น 12.74 เซนต์ ปิดที่ 3.1351 ดอลลาร์/แกลลอน
นักลงทุนทุ่มซื้อสัญญาน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินอย่างหนาแน่น หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 25 ก.ค. ร่วงลง 3.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 213.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบลดลง 100,000 บาร์เรล แตะระดับ 295.2 ล้านบาร์เรล แต่ยังลดลงไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะร่วงลง 1.6 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 130.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากบริษัทเอลารอน เทรดดิ้งกล่าวว่า นอกเหนือจากสต็อกน้ำมันเบนซินที่ร่วงลงเกินความคาดหมายแล้ว ปัญหาในโรงกลั่นน้ำมันบางแห่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นด้วย โดยล่าสุดบริษัทบีพีประกาศลดอัตราการผลิตที่โรงกลั่นในเมืองเท็กซัส ซิตี้ รัฐเท็กซัส เนื่องจากปัญหาด้านเครื่องจักร
นอกจากนี้ บริษัทวาเลโร เอ็นเนอร์จี คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทกลั่นน้ำมันอันดับหนึ่งของสหรัฐ ประกาศว่าบริษัทเตรียมลดอัตราการผลิตน้ำมันเบนซินที่โรงกลั่นน้ำมัน 16 แห่งของบริษัท ในอัตราเฉลี่ย 330,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่ากำลังการผลิตในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอิสราเอล หลังจากนายเอฮุด บารัค รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เรียกร้องให้นายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อสกัดโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน
รมว.กลาโหมอิสราเอลกล่าวต่อรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐระหว่างพบหารือกันที่กรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐควรคงนโยบายทุกทางเลือก เพื่อดำเนินการกับอิหร่าน พร้อมกล่าวว่า แผนการของอิหร่านเป็นภัยคุกคามเสถียรภาพในภูมิภาคและทั่วโลก ด้วยเหตุนี้อิสราเอลจึงขอยืนยันถึงความจำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการเงินอย่างเข้มงวดกับอิหร่านต่อไป
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมครั้งต่อไปของกลุ่มโอเปคซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 9 ก.ย.นี้ โดยเมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มโอเปคซึ่งผลิตน้ำมันได้กว่า 40 % ของผลผลิตน้ำมันทั่วโลกระบุว่า ราคาน้ำมันดิบในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ผิดปกติ และส่งสัญญาณว่าโอเปคจะไม่ลดการผลิตเพื่อให้มั่นใจว่าอุปทานน้ำมันมีเพียงพอต่อความต้องการ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--