สัญญาน้ำมัน NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ย่ำฐานทรงตัวที่ระดับเดิมในวันนี้ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันเบนซินที่ร่วงลงเกินความคาดหมาย เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันซึ่งเผชิญกับภาวะอุปสงค์ผู้บริโภคที่อ่อนแอได้ปรับลดกำลังการผลิตและการนำเข้าน้ำมัน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งทะยานขึ้นสูงกว่า 4 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา
ณ เวลา 09.34 น. ตามเวลาในประเทศไทย สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.และได้มีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ย่ำฐานทรงตัวในระดับเดิมที่ 126.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 4.58 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กคืนวานนี้
ชูจิ ซูกาตะ นักวิเคราะห์จากบริษัท Mitsubishi Corp Futures and Securities Ltd ในโตเกียวกล่าวว่า "แม้ราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลงไปประมาณ 20 ดอลลาร์จากระดับสูงสุด แต่แนวรับที่ระดับ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลยังเป็นตัวบ่งชี้ว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกครั้ง"
ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นหลังจากสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเมื่อรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาร่วงลงเกินความคาดหมาย เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันที่เผชิญกับอุปสงค์ผู้บริโภคที่อ่อนแอได้ปรับลดกำลังการผลิตและการนำเข้าน้ำมัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นหลังจากมีปัญหาเกิดขึ้นที่โรงกลั่นน้ำมัน โดยบีพีได้ปรับลดกำลังการผลิตที่โรงงานในเท็กซัส ซิตี้ เนื่องจากเกิดปัญหาขัดข้องที่เครื่องจักร ขณะที่โรงกลั่นวาเลโรของสหรัฐมีแผนที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมันเบนซินในโรงกลั่น 16 แห่งลงมาอยู่ในระดับเฉลี่ยที่ 330,000 บาร์เรลต่อวันในช่วงไตรมาสที่สาม
ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่นักลงทุนหลั่งไหลเข้าซื้อสัญญาในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อเก็งกำไรในยามที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง รวมถึงความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตก และกำลังการผลิตที่หยุดชะงัก
ทั้งนี้ การดิ่งร่วงลงของราคาน้ำมันนับตั้งแต่ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 11 ก.ค นั้นเป็นสถิติการทรุดฮวบลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2550 โดยน้ำมันได้รับผลกระทบจากสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่เผชิญปัญหาต่างๆมากขึ้นซึ่งเป็นตัวบั่นทอนอุปสงค์น้ำมัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--