ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 2.69 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสสองที่ต่ำกว่าคาด โดยนักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงกำลังส่งผลให้ความต้องการพลังงานทรุดตัวลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 2.69 ดอลลาร์ หรือ 2.12% ปิดที่ 124.08 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 122.71-127.89 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออลย์ส่งมอบเดือนส.ค.ดิ่งลง 8.16 เซนต์ หรือ 2.32% ปิดที่ 3.4387 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 8.71 เซนต์ หรือ 2.78% ปิดที่ 3.0480 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอน ร่วงลง 3.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 123.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
เจมส์ คอร์ดิเยร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเทมปาในรัฐฟลอริดากล่าวว่า "ตัวเลขจีดีพีไตรมาสสองที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดได้สร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนอย่างมาก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขว่างงานของชาวอเมริกันที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจถดถอยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น และอาจฉุดรั้งความต้องการพลังงานให้ทรุดตัวตามไปด้วย"
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจีดีพีไตรมาสสองขยายตัวเพียง 1.9% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียล/ไอเอฟอาร์คาดว่าจะขยายตัวขึ้น 2.4% ต่อปี ซึ่งจะสูงขึ้นกว่า 2 เท่าจากไตรมาสแรก
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอเข้ารับสวัสดิการในระหว่างว่างงานพุ่งขึ้น 44,000 ราย แตะระดับ 448,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 ก.ค.จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 404,000 ราย ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี
เมื่อวันพุธที่ผ่านมานักลงทุนทุ่มซื้อสัญญาน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินอย่างหนาแน่น หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 25 ก.ค. ร่วงลง 3.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 213.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบลดลง 100,000 บาร์เรล แตะระดับ 295.2 ล้านบาร์เรล แต่ยังลดลงไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะร่วงลง 1.6 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 130.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูปัญหาในโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเมื่อวันก่อน โดยบริษัทบีพีประกาศลดอัตราการผลิตที่โรงกลั่นในเมืองเท็กซัส ซิตี้ รัฐเท็กซัส เนื่องจากปัญหาด้านเครื่องจักร ขณะที่บริษัทวาเลโร เอ็นเนอร์จี คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทกลั่นน้ำมันอันดับหนึ่งของสหรัฐ ประกาศว่าบริษัทเตรียมลดอัตราการผลิตน้ำมันเบนซินที่โรงกลั่นน้ำมัน 16 แห่งของบริษัท ในอัตราเฉลี่ย 330,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่ากำลังการผลิตในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมครั้งต่อไปของกลุ่มโอเปคซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 9 ก.ย.นี้ โดยเมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มโอเปคซึ่งผลิตน้ำมันได้กว่า 40 % ของผลผลิตน้ำมันทั่วโลกส่งสัญญาณว่าโอเปคจะไม่ลดการผลิตเพื่อให้มั่นใจว่าอุปทานน้ำมันมีเพียงพอต่อความต้องการ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--