ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่อเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) โดยราคาดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 118 ดอลลาร์/บาร์เรลในระหว่างวัน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งช่วยลดกระแสคาดการณ์ที่ว่าราคาน้ำมันแพงจะบั่นทอนความต้องการพลังงาน และจากข่าวที่ว่าพายุเฮอริเคน"เอดูอาร์" ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและไม่ได้สร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 59 เซนต์ ปิดที่ 118.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 117.25 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 4.41 เซนต์ ปิดที่ 3.2379 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 0.71 เซนต์ ปิดที่ 2.9493 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 70 เซนต์ ปิดที่ 117 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 1 ส.ค.พุ่งขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 296.9 ล้าน บาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ไว้ว่าจะขยับขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 4.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 สัปดาห์ แตะที่ระดับ 209.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 133.3 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 2.1 ล้านบาร์เรล
ส่วนอีกปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันดิบร่วงลงมาจากรายงานของศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐที่ระบุว่า พายุเฮอริเคน "เอดูอาร์ด" ได้อ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันในขณะที่เคลื่อนตัวผ่านพื้นที่ฝั่งตะวันออกของรัฐเท็กซัสและฝั่งตะวันตกของรัฐหลุยเซียนา พร้อมกับยกเลิกสัญญาณเตือนภัยพายุนอกชายฝั่งหลังจากพายุเอดูอาร์ดเคลื่อนตัวเข้าสู่ฝั่งตะวันออกของเมืองกัลเวสตัน
อย่างไรก็ตาม ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติเตือนว่า อิทธิพลของพายุเอดูอาร์ดอาจทำให้เกิดฝนตกคิดเป็นปริมาณน้ำฝนสูงถึง 3-5 นิ้วในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของรัฐเท็กซัสและหลุยเซียนา พร้อมกับเตือนว่า หย่อมความกดอากาศที่เกิดจากอิทธิพลของพายุเอดูอาร์ดอาจทำให้เกิดพายุทอร์นาโดหลายลูก
นักลงทุนจับตาดูการประชุมครั้งต่อไปของกลุ่มโอเปคซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 9 ก.ย.นี้ โดยเมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มโอเปคซึ่งผลิตน้ำมันได้กว่า 40% ของผลผลิตน้ำมันทั่วโลกส่งสัญญาณว่าโอเปคจะไม่ลดการผลิตเพื่อให้มั่นใจว่าอุปทานน้ำมันมีเพียงพอต่อความต้องการ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตก หลังจากอิหร่านทดสอบอาวุธทางน้ำซึ่งสามารถโจมตีเป้าหมายที่อยู่ภายในรัศมี 300 กิโลเมตร พร้อมกับขู่ว่าจะปิดกั้นช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันที่สำคัญของโลก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--