ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) จากสถานการณ์ของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงระดับอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกที่ยังมีอยู่ไม่มากนัก นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังช่วยบดบังกระแสความวิตกกังวลเรื่องเหตุโจมตีท่อส่งน้ำมันในตุรกีและทำให้เทรดเดอร์ย้ายฐานการลงทุนจากตลาดน้ำมันไปเข้าซื้อหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นแทน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 4.82 ดอลลาร์ปิดที่ 115.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ราคาน้ำมันปิดในระดับ 112.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยในระหว่างวัน ราคาน้ำมันแกว่งตัวลงแตะระดับต่ำสุดที่ 114.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ลดลง 10.56 เซนต์ ปิดที่ 3.1280 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินร่วงลง 11.53 เซนต์ปิดที่ 2.8874 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 4.53 ดอลลาร์ ปิดที่ 113.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์หลายสำนักมองว่าระดับของราคาน้ำมันที่ 117 ดอลลาร์/บาร์เรลนั้นถือการปรับตัวลงทางเทคนิค ซึ่งราคาน้ำมันดิบในขณะนี้อ่อนตัวลงไปแล้ว 32 ดอลลาร์/บาร์เรลจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147.27 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินเยนมีขึ้นหลังจากที่ธนาคารยุโรปและอังกฤษประกาศตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมพร้อมทั้งส่งสัญญานว่าจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในระยะนี้ทำให้นักลงทุนในตลาดน้ำมันเทขายสัญญาออกมา เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงช่วยทำให้สกุลเงินของประเทศนั้นๆเป็นที่ดึงดูดใจสำหรับนักลงทุน
ทอม โคลซา นักวิเคราะห์จากบริษัท ออยล์ ไพรซ์ อินฟอร์เมชัน เซอร์วิส ในรัฐนิวเจอร์ซี กล่าวว่า "จำไว้เลยว่าการใช้หลักปัจจัยพื้นฐานมาเป็นเกณฑ์วิเคราะห์ราคาน้ำมันในตลาดอาจสร้างความสับสนได้ แต่หากเป็นคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน จะเห็นเลยว่าวันนี้อาจเป็นลางร้ายที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นในอนาคต"
อย่างไรก็ดี คอร์เดียร์กล่าวว่า ปัจจัยเบื้องลึกที่ทำให้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงคือภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความอ่อนแอ นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของชาวสหรัฐก็ส่งผลกระทบด้วยเช่นกัน โดยผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะในสหรัฐต่างหันมาใช้ยานยนต์ประหยัดน้ำมันกันมากขึ้น ขณะที่สถานการณ์ในประเทศจีนก็บีบคั้นให้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง หลังจากทางการออกมาตรการลดการใช้รถยนต์บนท้องถนนเพื่อต้อนรับมหกรรมปักกิ่งเกมส์
ทั้งนี้ โคลซากล่าวว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ยอดการใช้จ่ายเงินค่าน้ำมันเบนซินของชาวอเมริกันอยู่ที่ระดับ 1.65 พันล้านดอลลาร์ต่อวันในช่วงที่ราคาและอุปสงค์น้ำมันพุ่งขึ้นถึงขีดสุด แต่ขณะนี้ชาวอเมริกันจ่ายเงินไม่ถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันกำลังชะลอตัวลงเรื่อยๆ แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงสูงกว่ายอดการใชจ่ายในปี 2545 ถึง 3 เท่า
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล โทร.0-2253-5050 อีเมล์: orasa@infoquest.co.th--