ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งขึ้น และข้อมูลที่มีน้ำหนักมากขึ้นว่า กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ สหรัฐอเมริกา กำลังลดปริมาณการใช้พลังงาน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.44 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 113.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนไหวในช่วง 115.60-112.40 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 4.14 เซนต์ ปิดที่ 3.0781 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.รูดลง 2.34 เซนต์ ปิดที่ 2.8432 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 111.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
จิม ริทเทอร์บุช ประธานบริษัทริทเทอร์บุช แอนด์ แอสโซซิเอทส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานในรัฐอิลลินอยส์ กล่าวว่า "นักลงทุนจับตาดูข้อมูลที่ระบุว่าความต้องการพลังงานเริ่มปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายสัญญาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันประเภทอื่นๆ หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ประกาศลดคาดการณ์ความต้องพลังงานในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และหลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้น"
เมื่อวานนี้ IEA ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันใน 30 ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในประเทศยุโรปและอเมริกาเหนือลงสู่ระดับ 48.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 1.3% ซึ่งการปรับลดคาดการณ์ของ IEA มีขึ้นหลังจากรัฐบาลจีนเปิดเผยยอดนำเข้าน้ำมันดิบประจำเดือนก.ค.ลดลง 7% จากเดือนก.ค.ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ IEA กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในขณะนี้จะเป็นแนวโน้มในระยะยาว พร้อมระบุว่า ความต้องการพลังงานในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วกำลังปรับตัวลดลงอย่างมาก ขณะที่ความต้องการพลังงานในจีนยังคงขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
นักลงทุนจับตาดูความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและจอร์เจีย และดูว่าการสู้รบครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมันมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ แม้รัฐบาลรัสเซียสั่งระงับการโจมตีทางทหารต่อจอร์เจียแล้วเมื่อวานนี้ แต่ทางจอร์เจียยืนยันว่ากองกำลังทหารรัสเซียยังคงโจมตีฐานที่มั่นของจอร์เจีย
บริษัทบีพีประกาศปิดท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากแหล่งน้ำมันในทะเลสาบแคสเปียน ที่ทอดผ่านประเทศจอร์เจีย แต่ท่อส่งดังกล่าวซึ่งสามารถลำเลียงน้ำมันได 90,000 บาร์เรลต่อวัน ไม่ได้รับความเสียหายจากการสู้รบในจอร์เจีย
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูข้อมูลสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 200,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมัน คาดว่าจะลดลง 0.2 %
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--