ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 5 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) โดยราคาทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าสถานกาณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและจอร์เจียอาจทำให้เกิดภาวะติดขัดด้านการลำเลียงน้ำมันไปยังประเทศตะวันตก นอกจากนี้ การที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง และความกังวลที่ว่ากลุ่มโอเปคอาจลดเพดานการผลิต ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือความคาดหมายเช่นกัน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 5.62 ดอลลาร์ ปิดที่ 121.18 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 122.04 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 13.71 เซนต์ ปิดที่ 3.006 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดบวก 13.49 เซนต์ แตะที่ 3.0452 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 5.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 120.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนทุ่มซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างคึกคักเนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจอร์เจียและรัสเซียยังไม่คลี่คลาย โดยจอร์เจียเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันทางเรือที่สำคัญไปยังกลุ่มประเทศตะวันออก ซึ่งนักลงทุนมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทานพลังงานในชาติตะวันตก
คาร์เมน โรเมโร โฆษกประจำองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ออกแถลงการณ์ที่ศูนย์อำนวยการนาโต้ในบรัสเซลส์ว่า รัสเซียประกาศระงับความร่วมมือทางทหารกับนาโต้ ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นโต้ตอบเกือบจะทันที หลังสหรัฐเตือนรัสเซียว่าหากวิกฤตการณ์ในจอร์เจียยังไม่คลี่คลายลง ก็อาจไม่มีความร่วมมือทางทหารระหว่างนาโตกับรัสเซีย
"เราคงไม่สามารถประสานความร่วมมือทางทหารกับรัสเซียได้ จนกว่าสถานการณ์ในจอร์เจียจะคลี่คลาย" กอร์ดอน จอห์นโดน โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐกล่าว
นอกจากนี้ มีรายงานว่าชาวจอร์เจียนับหมื่นคนรวมตัวประท้วงเรียกร้องให้รัสเซียเร่งถอนทหารออกจากจอร์เจีย สวนทางกับผู้นำดินแดนเซาท์ออสซีเทียและอับคาเซีย ที่ต้องการให้รัสเซียคงกองกำลังไว้ต่อไป
ภาพจากสถานีโทรทัศน์ APTN แสดงให้เห็นว่าทหารรัสเซียพร้อมอาวุธหนัก ยังคงประจำการอยู่บริเวณพรมแดนเมืองท่าโปติของจอร์เจีย สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้าน จนต้องออกมาเดินขบวนกดดันให้ทหารรัสเซียถอนกำลังออกไปโดยเร็ว แม้ประธานาธิบดี ดมิทรี เมดเวเดฟ ผู้นำรัสเซีย จะยืนยันว่าทหารรัสเซียจะถอนกำลังทั้งหมดออกไปเมืองโปติของจอร์เจียในวันนี้ โดยจะกลับไปยังฐานที่มั่นตามพรมแดน และเขตรอยต่อของดินแดนเซาท์ออสซีเชีย ตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงหยุดยิง
เอดิสัน อาร์มสตร็อง นักวิเคราะห์จากบริษัทเทรดดิชั่น เอนเนอร์จี ในรัฐคอนเน็กติกัต กล่าวว่า "สถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างรัสเซียและจอร์เจีย สร้างความตื่นตระหนกในตลาดน้ำมัน นักลงทุนให้น้ำหนักกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้จะสร้างความเสียหายต่ออุปทานพลังงานในระยะเวลาที่ค่อนข้างยาว เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากซาอุดิอาระเบีย อีกทั้งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันและก๊าสรายใหญ่ของสหภาพยุโรป หากการสู้รบเป็นเหตุให้การลำเลียงน้ำมันหยุดชะงักลง ก็จะเกิดวิกฤตการณ์พลังงานที่รุนแรงในยุโรปและสหรัฐทันที"
"ราคาน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 15 ส.ค. ร่วงลง 6.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 196.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล แม้สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกินคาด 9.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 305.9 ล้านบาร์เรลก็ตาม" อาร์มสตร็องกล่าว
นักลงทุนจับตาดูการประชุมโอเปคซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 9 ก.ย.นี้ โดยล่าสุดนายราฟาเอล รามิเรซ รมว.พลังงานเวเนซูเอลากล่าวว่า เวเนซูเอลาจะเสนอที่ประชุมโอเปคให้ลดปริมาณการผลิตน้ำมัน หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--