ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 116 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกต่อการคาดการณ์ที่ว่าพายุโซนร้อน"กุสตาฟ"อาจทวีความรุนแรงเป็นพายุเฮอริเคนและอาจสร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นแหล่งการผลิตน้ำมันหลักของสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.01% ปิดที่ 116.27 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 112.36-117.89 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ย.ปิดบวก 5.85 เซนต์ แตะที่ 3.2099 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดบวก 8.74 เซนต์ แตะที่ 2.9697 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 60 เซนต์ แตะที่ 114.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนตื่นตระหนกหลังจากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติเตือนว่า พายุกุสตาฟ ซึ่งมีความเร็วลมประมาณ 60 ไมล์ (96 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมงเคลื่อนตัวอยู่ห่างจากท่าเรือออพรินซ์ของเฮติ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 165 ไมล์ และกำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลมประมาณ 12 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยคาดว่าพายุกุสตาฟจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นพายุเฮอริเคนและมีแนวโน้มว่าจะพัดเข้าสู่ชายฝั่งในอ่าวเม็กซิโกในระหว่างวันที่ 30 ส.ค.-1 ก.ย.นี้
จิม รอยเลอร์ เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาจากบริษัท Planalytics Inc ในรัฐเพนซิลวาเนียกล่าวว่า "เราอาจได้เห็นพายุเฮอริเคนลูกใหญ่ก่อตัวขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ แต่ขณะนี้ ดูเหมือนว่าพายุเฮอริเคนที่น่ากลัวจะเข้าพัดกระหน่ำพื้นที่ตอนกลางของทะเลแคริบเบียน พายุกุสตาฟอาจจะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุเฮอริเคนในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากกระแสน้ำอุ่นในทะเลแคริบเบียนที่ไหลมาปะทะกับคลื่นลมร้อนจะทำให้เกิดพายุลูกใหญ่ซึ่งมีความรุนแรงในระดับ 3 และมีความเร็วลมอย่างน้อย 111 ไมล์ต่อชั่วโมง"
เจมส์ คอร์ดิเยร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทลิเบอร์ตี้ เทรดดิ้ง กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานในรัฐฟลอริด้า กล่าวว่า "ถ้าพายุกุสตาฟเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกตามที่สำนักงานเฮอริเคนแห่งชาติพยากรณ์ไว้ ก็อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานพลังงานและอาจทำให้ราคาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 10 % ในช่วงวันหยุดแรงงาน"
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพุธ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 0.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะถือเป็นการลดลง 5 สัปดาห์ติดต่อกัน และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.3%
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูการประชุมโอเปคซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 9 ก.ย.นี้ โดยล่าสุดนายราฟาเอล รามิเรซ รมว.พลังงานเวเนซูเอลากล่าวว่า เวเนซูเอลาจะเสนอที่ประชุมโอเปคให้ลดปริมาณการผลิตน้ำมัน หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง