ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้นเหนือระดับ 116 ดอลลาร์/บาร์เรล อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่าพายุโซนร้อน"กุสตาฟ"ก่อตัวขึ้นในทะเลคาร์ริบเบียนและอาจทวีความรุนแรงเป็นพายุเฮอริเคนก่อนที่จะพัดเข้าสู่ชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 828.10 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 2.40 ดอลลาร์ หลังจากปรับตัวในช่วง 812.00-836.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 13.575 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 20.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดลดลง 4.8 เซนต์ แตะที่ 3.4156 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,421.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 13.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 285.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 30 เซนต์
จอห์น เนดเลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทคิทโก บุลเลียน ในเมืองมอนทรีอัล กล่าวว่า "ราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้นเหนือระดับ 116 ดอลลาร์เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาทองคำพุ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ช่วงบวกของราคาทองถูกสกัดลงหลังจากค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ภายหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาดีเกินคาด รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค."
สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนส.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 56.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 51.9 ในเดือนก.ค. โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจะอยู่ที่ 53.0 ในเดือนส.ค.