ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลดลง 13 เซนต์เมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐพร้อมที่จะระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ออกมาใช้ในยามจำเป็น หากพายุเฮอริเคน"กุสตาฟ" สร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าสในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นฐานการผลิตน้ำมันในสัดส่วน 1 ใน 4 ของผลผลิตน้ำมันโดยรวมของสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 13 เซนต์ ปิดที่ 115.46 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 0.07 เซนต์ ปิดที่ 3.1819 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 1.15 เซนต์ ปิดที่ 3.0099 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 114.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
พายุเฮอริเคนกุสตาฟได้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยเคลื่อนตัวผ่านจาไมกาและมุ่งหน้าสู่รัฐต่างๆในเขตกัลฟ์โคสต์ ซึ่งรวมถึงรัฐหลุยเซียนา ส่งผลให้บริษัทพลังงานหลายแห่งอพยพคนงานออกจากพื้นที่ รวมถึงบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ บริษัทบีพี และบริษัทเอ็กซอนโมบิล
กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิของสหรัฐออกประกาศเตือนให้ชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกเตรียมพร้อมรับมือกับพายุลูกดังกล่าว โดยเฉพาะชาวเมืองนิว ออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ซึ่งคาดว่าเป็นเส้นทางที่พายุอาจเคลื่อนตัวพัดผ่าน หลังจากเมืองนิวออร์ลีนส์ถูกพายุเฮอริเคนแคทรีนาพัดถล่มจนได้รับความเสียหายอย่างหนักเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ผู้ว่าการรัฐต่างๆในสหรัฐเตรียมความพร้อมรับมือกับพายุกุสตาฟที่กำลังมุ่งหน้าเข้าพัดถล่มพื้นที่ชายฝั่งในอ่าวเม็กซิโก เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอยกับพายุเฮอริเคนแคทริน่าที่เข้าพัดถล่มพื้นที่ดังกล่าวเมื่อ 3 ปีก่อน โดยผู้ว่าการรัฐหลุยส์เซียนาประกาศภาวะฉุกเฉินพร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือก่อนหน้าที่พายุลูกดังกล่าวจะเข้าถล่มพื้นที่ ขณะที่นายฮาเลย์ บาร์บัวร์ ผู้ว่าการรัฐมิสซิสซิปปี้ และนายริก เพอร์รี่ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสได้มีคำสั่งประกาศภาวะฉุกเฉินไปแล้วเมื่อวานนี้ และนายกเทศมนตรีรัฐนิวออร์ลีนส์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน
ทางการสหรัฐไม่ต้องการให้พายุกุสตาฟสร้างความเสียหายเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2548 ซึ่งขณะนั้น มิเชล บราวน์ ประธานคณะทำงานฝ่ายอุบัติภัยฉุกเฉินและประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าแก้ปัญหารับมือกับพายุแคทริน่าล่าช้า จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1,800 ราย อีกทั้งยังทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในนิวออร์ลีนส์ ขณะที่ประชาชน 250,000 ครัวเรือนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ซึ่งพายุเฮอริเคนครั้งดังกล่าวได้สร้างความเสียหายรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (IEA) ระบุว่า IEA พร้อมที่จะปล่อยน้ำมันในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ ถ้าหากพายุกุสตาฟพัดเข้าสู่แหล่งผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก โดยปัจจุบัน คลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ ประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปี 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--