นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ซึ่งผลิตน้ำมันได้ร้อยละ 40 ของผลผลิตน้ำมันทั่วโลก จะปฏิเสธข้อเรียกร้องของเวเนซูเอลาและอิหร่านที่ต้องการให้โอเปคลดเพดานการผลิต แต่จะตรึงเพดานการผลิตไว้เท่าเดิมที่ 29.67 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ระดับ 109 ดอลลาร์/บาร์เรลกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยการประชุมครั้งต่อไปของโอเปคจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 9 ก.ย.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
ไมค์ วิทเนอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากธนาคารโซซิเอเต เจนเนอราล ในกรุงลอนดอน แสดงความเห็นว่า "โอเปค
มองว่า หากเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง และหากลดเพดานการผลิตก็จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นรุนแรง ดังนั้น การตัดสินใจของโอเปคในการประชุมครั้งนี้นับว่าไม่ธรรมดา"
ราคาน้ำมันดิบร่วงลงไปแล้ว 38 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 26% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือนก.ค.ที่ 147.27 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากหลากหลายปัจจัย อาทิ ค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลง และข่าวที่ว่าพายุเฮอริเคน"กุสตาฟ" แทบจะไม่ได้สร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าสธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโก อีกทั้งการคาดการณ์จากโอเปคที่ว่า ความต้องการน้ำมันดิบจะขยับขึ้นเพียง 1% ในปีหน้า ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบ 7 ปี
อดัม ซีมินสกี้ หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากธนาคารดอยช์ แบงค์ เอจี คาดว่า แม้โอเปคมีแนวโน้มจะตรึงเพดานการผลิตไว้ที่ 29.67 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมวันอังคารหน้า แต่คาดว่าโอเปคจะลดเพดานการผลิตในเร็วๆนี้เพื่อป้องกันสต็อกน้ำมันไม่ให้อยู่ในระดับสูงจนเกินไป
"ผมคาดว่าถ้าราคาน้ำมันยังคงพุ่งสูงขึ้น โอเปคก็จะตรึงเพดานการผลิตไว้ แต่ถ้าราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวลดลง โอเปคก็จะลดเพดานการผลิตลงเล็กน้อย" ซีมินสกี้กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายโนบูโอะ ทนากะ ผู้อำนวยการบริหารสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เรียกร้องโอเปคไม่ให้ลดเพดานการผลิต เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้นกำลังทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกต้องแบกรับภาระที่หนักหน่วง สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--