ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: ดอลล์แข็ง ฉุดราคาน้ำมันดิบปิดร่วงอีก $1.46

ข่าวต่างประเทศ Friday September 5, 2008 06:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังร่วงลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินที่ลดลงไม่มากเท่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทำให้ชาวอเมริกันขับขี่ยานยนต์น้อยลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดร่วงลง 1.46 ดอลลาร์ แตะที่ 107.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 5.51 เซนต์ ปิดที่ 3.0237 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 2.64 เซนต์ ปิดที่ 2.7404 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนหันความสนใจออกจากพายุเฮอริเคนที่เคลื่อนตัวผ่านแหล่งผลิตน้ำมันและก๊าสธรรรมชาติในอ่าวเม็กซิโก แต่หันไปให้น้ำหนักกับค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งขึ้นและข้อมูลที่บ่งชี้ว่าความต้องการพลังงานลดน้อยลง
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบอย่างหนัก หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 29 ส.ค.ลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล แตะที่ 194.4 ล้านบาร์เรล แต่ยังไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะร่วงลง 1.8 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล แตะที่ 303.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 400,000 บาร์เรล แตะที่ 131.7 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติรายงานว่า พายุโซนร้อน "ฮันนา" พัดถล่มไฮติ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 60 ราย โดยคาดว่าพายุฮันนาจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นพายุเฮอริเคนในวันนี้ และจะมุ่งหน้าสู่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์นี้
นอกจากนั้นศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติยังเตือนว่า อิทธิพลของพายุฮันนาอาจทำให้เกิดฝนตกชุกถึง 15 นิ้ว (38 ซม.) ในไฮติ, เปอร์โตริโก และสาธารณรัฐโดมินิกัน และอาจส่งผลให้เกิดโคลนถล่มหรือน้ำท่วมฉับพลันได้ โดยไฮติและสาธารณรัฐโดมินิกันเพิ่งถูกพายุโซนร้อน "เฟย์" และพายุเฮอริเคน "กุสตาฟ" พัดถล่มประเทศในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาดูการประชุมโอเปคซึ่งจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 9 ก.ย.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ซึ่งผลิตน้ำมันได้ร้อยละ 40 ของผลผลิตน้ำมันทั่วโลก จะปฏิเสธข้อเรียกร้องของเวเนซูเอลาและอิหร่านที่ต้องการให้โอเปคลดเพดานการผลิต แต่จะตรึงเพดานการผลิตไว้เท่าเดิมที่ 29.67 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ระดับ 109 ดอลลาร์/บาร์เรลกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
ไมค์ วิทเนอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากธนาคารโซซิเอเต เจนเนอราล ในกรุงลอนดอน แสดงความเห็นว่า "โอเปค
มองว่า หากเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง และหากลดเพดานการผลิตก็จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นรุนแรง ดังนั้น การตัดสินใจของโอเปคในการประชุมครั้งนี้นับว่าไม่ธรรมดา"
ราคาน้ำมันดิบร่วงลงไปแล้ว 38 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 26% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือนก.ค.ที่ 147.27 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากหลากหลายปัจจัย อาทิ ค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลง และข่าวที่ว่าพายุเฮอริเคน"กุสตาฟ" แทบจะไม่ได้สร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าสธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโก อีกทั้งการคาดการณ์จากโอเปคที่ว่า ความต้องการน้ำมันดิบจะขยับขึ้นเพียง 1% ในปีหน้า ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบ 7 ปี
อดัม ซีมินสกี้ หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากธนาคารดอยช์ แบงค์ เอจี คาดว่า แม้โอเปคมีแนวโน้มจะตรึงเพดานการผลิตไว้ที่ 29.67 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมวันอังคารหน้า แต่คาดว่าโอเปคจะลดเพดานการผลิตในเร็วๆนี้เพื่อป้องกันสต็อกน้ำมันไม่ให้อยู่ในระดับสูงจนเกินไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ