ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นจนทำให้นักลงทุนมองว่าชาวอเมริกันอาจลดการใช้พลังงานและจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันในประเทศปรับตัวลดลง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดร่วงลง 1.66 ดอลลาร์ แตะที่ 106.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 4.09 เซนต์ ปิดที่ 2.9828 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 5.43 เซนต์ ปิดที่ 2.6861 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 2.21 ดอลลาร์ ปิดที่ 104.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราจ้างงานของสหรัฐในเดือนส.ค.ร่วงลงหนักกว่าคาดการณ์ถึง 84,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นสถิติการปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งทะยานสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ระดับ 6.1% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 5.8%
จอห์น คิลดัฟฟ์ นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอล แอลแอลซีกล่าวว่า "ตลาดถูกปกคลุมด้วยกระแสความวิตกกังวลต่อแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก และรายงานตัวเลขจ้างงานในวันนี้ก็ยิ่งตอกย้ำให้ความวิตกกังวลมากขึ้นไปอีก"
ทั้งนี้ สิ่งที่จะช่วยสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันคือการปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตาดูว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะตัดสินใจควบคุมกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมันในการประชุมที่กรุงเวียนนาในสัปดาห์หรือไม่ โดยทางกลุ่มโอเปคได้ส่งสัญญาณว่าอาจใช้นโนบายที่จะช่วยตรึงราคาน้ำมันดิบให้เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล โทร.0-2253-5050 อีเมล์: orasa@infoquest.co.th--