ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) หลังจากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐรายงานว่า พายุเฮอริเคน "ไอค์" กำลังมุ่งหน้าสู่แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าศในอ่าวเม็กซิโก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดบวก 11 เซนต์ แตะระดับ 106.34 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 109.89-104.70 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดบวก 3.03 เซนต์ แตะที่ 3.0131 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.ปิดบวก 6.42 เซนต์ แตะที่ 2.7503 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดร่วงลง 65 เซนต์ แตะที่ 103.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า พายุเฮอริเคนไอค์ได้พัดถล่มชายฝั่งภาคตะวันออกของคิวบาเมื่อช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาประเทศไทย ด้วยความเร็วลมศูนย์กลางพายุที่รุนแรงถึง 201 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือความรุนแรงระดับ 3 ส่งผลให้เกิดคลื่นยกตัวหรือสตรอมเซิร์จตามแนวชายฝั่ง ทั้งนี้ ทางการคิวบาสั่งอพยพผู้คนตามแนวเคลื่อนตัวของพายุแล้วกว่า 600,000 คน
"ขณะนี้เฮอริเคนไอค์กำลังมุ่งหน้าสู่อ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าสที่สำคัญของสหรัฐ และแม้ว่าพายุเริ่มอ่อนกำลังลงบ้างแล้ว แต่ความเร็วลมยังอยู่ที่ระดับเกือบ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง และคาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อพัดเข้าสู่อ่าวเม็กซิโกในสัปดาห์นี้" ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติกล่าว
จิม ริทเทอร์บุช ประธานบริษัทริทเทอร์บุช แอนด์ แอสโซซิเอทส์ กล่าวว่า "ผมคาดว่าปัจจัยขับเคลื่อนตลาดน้ำมันในวันนี้และตลอดสัปดาห์นี้คือพายุเฮอริเคนไอค์"
อย่างไรก็ตาม การที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน NYMEX เป็นไปอย่างผันผวน โดยดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐวางแผนเข้าเทคโอเวอร์ แฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้าน โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือบริษัททางการเงินให้พ้นภาวะล้มละลายที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ และป้องกันตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐไม่ให้ถดถอยลงมากไปกว่านี้
นักลงทุนจับตาดูการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในวันอังคารที่ 9 ก.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า โอเปคซึ่งสามารถผลิตน้ำมันได้ราว 40% ของผลผลิตทั่วโลก จะตรึงเพดานการผลิตไว้ที่ 29.67 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ระดับ 106 ดอลลาร์/บาร์เรลกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
ไมค์ วิทเนอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากธนาคารโซซิเอเต เจนเนอราล ในกรุงลอนดอน แสดงความเห็นว่า "โอเปค
มองว่า หากเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง และหากลดเพดานการผลิตก็จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นรุนแรง ดังนั้น การตัดสินใจของโอเปคในการประชุมครั้งนี้นับว่าไม่ธรรมดา"
ขณะที่ อดัม ซีมินสกี้ หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากธนาคารดอยช์ แบงค์ เอจี คาดว่า แม้โอเปคมีแนวโน้มจะตรึงเพดานการผลิตไว้ที่ 29.67 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมวันอังคารนี้ แต่คาดว่าโอเปคจะลดเพดานการผลิตในเร็วๆนี้เพื่อป้องกันสต็อกน้ำมันไม่ให้อยู่ในระดับสูงจนเกินไป
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--