สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ขยับลดลงเล็กน้อยในเช้าวันนี้ (25 ก.ย.) หลังจากทางการสหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกที่ชะลอตัว
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวลดลงจากปัจจัยลบที่เกิดจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนกู้วิกฤตการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐของรัฐบาล รวมถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากปัญหาในตลาดสินเชื่อ
ณ เวลา 09.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกในตลาดสิงคโปร์ขยับลง 4 เซนต์ไปอยู่ที่ระดับ 105.69 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ปรับตัวลดลง 88 เซนต์ไปอยู่ที่ 105.73 ดอลลาร์/บาร์เรลที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่กรุงลอนดอนเพิ่มขึ้น 4 เซนต์ปิดระดับ 102.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่คาดว่าจะลดลง 2.0 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกันที่ระดับ 5.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลง 4.0 ล้านบาร์เรลและนั่นทำให้ปริมาณสต็อกอยู่ที่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 1967
ข้อมูลของสหรัฐบ่งชี้ให้เห็นถึงกำลังการผลิตน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในระยะสั้นๆ ขณะที่นักลงทุนมองว่าระดับความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐได้รับผลกระทบมากยิ่งขึ้นจากสัญญาณบ่งชี้ถึงรายงานอุปสงค์น้ำมันเมื่อช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งปรับตัวลดลง 5.3% จากปีที่แล้ว ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้าย
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิ่งลง 25% จากระดับที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤตน้ำมันแพงประกอบกับปัญหาทางเศรษฐกิจได้กดดันให้ทั่วโลกปรับลดปริมาณการใช้น้ำมันลง
โดยประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีปริมาณการใช้น้ำมันมากที่สุดอันดับ 3 ของโลกรายงานยอดนำเข้าน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง 3.3% แตะที่ 4.13 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนส.ค.เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--