ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐตกลงร่วมกันในหลักการที่จะผลักดันให้แผนฟื้นฟูภาคการเงินผ่านมติสภาคองเกรส ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าจะช่วยกระตุ้นความต้องการพลังงานให้เพิ่มขึ้นด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.29 ดอลลาร์ ปิดที่ 108.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 104.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดบวก 10.26 เซนต์ แตะที่ 2.6973 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งอออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดบวก 2.13 เซนต์ แตะที่ 3.0483 ดอลลาร์/แกลลอน
นักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังว่าแผนฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์จะผ่านมติในสภาคองเกรส หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐเห็นชอบร่วมกันในหลักการ และนักลงทุนผู้ทรงอิทธิพลหลายคนออกมาสนับสนุนแผนการดังกล่าว
เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และ เฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐ แถลงสภาคองเกรสให้เร่งผ่านร่างแผนการช่วยเหลือสถาบันการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ โดยเบอร์นันเก้เตือนว่า ความล่าช้าในการอนุมัตแผนการดังกล่าวจะยิ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาคการเงินและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
ขณะที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช เตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในระยะยาว หากสภาคองเกรสไม่เร่งผ่านนโยบายกู้วิกฤตการเงินมูลค่ากว่า 7 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ หลายธุรกิจอาจต้องล่มสลายและจะทำให้มีผู้ตกงานเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเขาพร้อมรับข้อเสนอจากทั้งพรรครีพับลีกันและเดโมแครทเพื่อให้นโยบายดังกล่าวผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส
นอกจากนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ สนับสนุนแผนการช่วยเหลือสถาบันการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐ โดยเขาเชื่อว่าสภาคองเกรสจะทำในสิ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อชาวอเมริกัน และจะผ่านร่างมาตรการดังกล่าวอย่างแน่นอน
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 19 ก.ย.ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 290.2 ล้านบาร์เรล แต่ไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะร่วงลง 2.0 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 5.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 178.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 9 สัปดาห์ และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นร่วงลง 4.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 125.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐระบุว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 19 ก.ย. อยู่ที่ระดับ 3.5 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งต่ำกว่าระดับเฉลี่ยปีที่แล้วประมาณ 3.5%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--