ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: ราคาน้ำมันดิบปิดร่วง $2.11 หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบ-เบนซินพุ่งเกินคาด

ข่าวต่างประเทศ Thursday October 2, 2008 06:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันดิบและเบนซินที่เพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงกำลังบีบให้ชาวอเมริกันใช้พลังงานน้อยลงและลดการขับขี่ยานยนต์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดร่วงลง 2.11 ดอลลาร์ แตะที่ 98.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 2.84 ดอลลาร์ ปิดที่ 95.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 4.78 เซนต์ แตะที่ 2.8469 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 9.77 เซนต์ ปิดที่ 2.36 ดอลลาร์/แกลลอน
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบและสัญญาน้ำมันประเภทอื่นๆ หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 26 ก.ย.พุ่งขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรล หรือ 1.5% แตะระดับ 294.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล หรือ 0.5% แตะระดับ 179.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.6 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และดีเซล ลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 123.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานระบุว่า ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงในรอบ 4 สัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 26 ก.ย.อยู่ที่ระดับ 19 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
จิม ริทเทอร์บุช นักวิเคราะห์จากบริษัท Ritterbusch and Associates ในรัฐอิลลินอยส์กล่าวว่า "สต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าสาธารณูปโภคด้านการขุดเจาะน้ำมันและก๊าสธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโกยังคงเปิดดำเนินการได้ตามปกติ หลังจากประกาศปิดทำการชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบของพายุเฮอริเคนกุสตาฟและพายุไอค์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังหลีกเลี่ยงการเข้าทำโพสิชั่นก่อนที่วุฒิสภาสหรัฐจะลงมติแผนฟื้นฟูภาคการเงิน"
นักลงทุนจับตาดูว่า วุฒิสภาสหรัฐจะลงมติ รับหรือไม่รับ แผนฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งแผนฉบับใหม่นี้จะครอบคลุมถึงการเพิ่มค้ำประกันวงเงินฝากธนาคารที่ได้รับการค้ำประกันโดย FDIC จาก 100,000 ดอลลาร์ เป็น 250,000 ดอลลาร์ เพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่มีต่อสถาบันการเงิน ทั้งนี้ วุฒิสมาชิกบางคนมองว่าการที่ FDIC เพิ่มการค้ำประกันวงเงินฝากธนาคารและการเพิ่มการให้ความคุ้มครองต่อผู้เสียภาษี จะสามารถดึงดูดเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ