ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อยท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) หลังจากสภาคองเกรสอนุมัติแผนกอบกู้ภาคการเงินครั้งประวัติศาสตร์มูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่ากฎหมายดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้ในระยะยาว
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดขยับลง 9 เซนต์ แตะที่ 93.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 31 เซนต์ ปิดที่ 90.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
โดยร่างกฎหมายฉบับใหม่ที่ได้รับการแก้ไขแล้วและได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสแล้วนั้นได้มีการเพิ่มเติมเนื้อหาบางส่วน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มค้ำประกันวงเงินฝากธนาคารที่ได้รับการค้ำประกันโดยบรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) จากเดิมที่ 100,000 ดอลลาร์ เป็น 250,000 ดอลลาร์ มีเป้าหมายเพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้ฝากเงินว่าเงินฝากของประชาชนจะได้รับความคุ้มครองและเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการถอนเงินออกไปเป็นจำนวนมาก และจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในมาตรการลดหย่อนภาษีมูลค่า 1.49 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไป
จิม ริทเทอร์บุช นักวิเคราะห์จากบริษัท Ritterbusch and Associates ในรัฐอิลลินอยส์กล่าวว่า "ผมมองว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่มีผลต่อราคาน้ำมันมากนัก และอุปสงค์น้ำมันยังคงย่ำแย่อยู่เหมือนเดิม เพราะมาตรการที่ผ่านความเห็นชอบนี้มุ่งเน้นที่จะช่วยเหลือภาคธุรกิจการเงินและสินเชื่อเท่านั้น"
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังได้ส่งสัญญาเทขายน้ำมันออกมาเมื่อกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ดิ่งร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 5 ปีที่ 159,000 ตำแหน่ง ซึ่งรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 100,000 ตำแหน่ง และเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอซึ่งจะยิ่งตอกย้ำให้ความต้องการน้ำมันจากสหรัฐลดน้อยลงไปอีก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล โทร.0-2253-5050 อีเมล์: orasa@infoquest.co.th--