กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 3 ต.ค.พุ่งขึ้น 8.1 ล้านบาร์เรล หรือ 2.8% แตะระดับ 302.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 7.2 ล้านบาร์เรล หรือ 4% แตะระดับ 186.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.0 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล ลดลง 500,000 บาร์เรล แตะระดับ 122.6 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐระบุว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินในรอบ 4 สัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 3 ต.ค. อยู่ที่ 8.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำกว่าปีที่แล้วอยู่ประมาณ 5.3%
สต็อกน้ำมันข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ ประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปี 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย
ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่พายุเฮอริเคน "กุสตาฟ" พัดกระหน่ำอ่าวเม็กซิโก กระทรวงพลังงานสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐพร้อมที่จะระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์มาใช้บรรเทาความเดือดร้อน หากพายุกุสตาฟสร้างความเสียหายให้กับแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าสธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโก อย่างไรก็ตาม พายุดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันในวงจำกัดเท่านั้น กระทรวงพลังงานจึงยังไม่ระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองจนถึงขณะนี้ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--