สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ร่วงลงในช่วงเช้าวันนี้ (9 ต.ค.) ขณะที่ธนาคารกลางชั้นนำทั่วโลกได้ร่วมกันช่วยกันหาทางออกกู้วิกฤตการเงินแต่ไม่สามารถลดความหวั่นวิตกต่อเศรษฐกิจโลกที่กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยลงได้
นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดและยิ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าวิกฤตเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมัน โดยความวิตกกังวลดังกล่าวได้ทำให้ราคาน้ำมันดิ่งลงประมาณ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เหนือระดับ 147 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
ณ เวลา 08.34 น.ตามเวลาในประเทศไทย สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลง 1.13 ดอลลาร์ไปอยู่ที่ระดับ 87.82 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่เมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนที่ 86.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดลอนดอนลดลง 88 เซนต์แตะระดับ 83.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
การที่ธนาคารกลางทั่วโลกร่วมกันปรับลดดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับวิกฤตสินเชื่อไม่ได้ช่วยสร้างปฏิกิริยาในด้านบวกให้กับนักลงทุน โดยจะเห็นว่าตลาดหุ้นและตลาดสินเชื่อยังคงเลวร้าย ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะย่ำแย่ตามหลังสหรัฐและยุโรปที่เข้าสู่ภาวะถดถอย
กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 3 ต.ค.พุ่งขึ้น 8.1 ล้านบาร์เรล หรือ 2.8% แตะระดับ 302.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 7.2 ล้านบาร์เรล หรือ 4% แตะระดับ 186.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.0 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล ลดลง 500,000 บาร์เรล แตะระดับ 122.6 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--